ก้าวไกลยังไม่ตัดสินใจเรื่องโหวตนายกฯ เพื่อไทย

รัฐสภา 10 ส.ค.- “พิธา” ปรากฏตัวที่รัฐสภาครั้งแรกหลังศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ย้ำยังไม่พิจารณาโหวตนายกฯ เพื่อไทย ยังมีเวลา ต้องคิดให้รอบคอบ เผยรอแจงศาลรัฐธรรมนูญ-กกต.เรื่องหุ้นไอทีวี ส่วนคดีล้มล้างการปกครอง ให้ฝ่ายกฎหมายดูแล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลหยุดปฏิบัติหน้าที่ ผ่านไปกว่า 2 สัปดาห์แล้ว วันนี้นายพิธาได้เข้ามาที่รัฐสภา โดยกล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคเพื่อไทยมาหารือกับพรรคก้าวไกลที่ตึกไทยซัมมิท วานนี้ (9 ส.ค.) ว่า เป็นการสื่อสารและรับฟังกันทั้งสองฝ่าย ยังไม่มีความคืบหน้าไปกว่านั้น หากทั้งสองฝั่งมีคำถามจะนัดเจอกันเรื่อยๆ ส่วนจะโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ต้องรอรับฟังกันก่อน รอดูว่ามีคำถามใดเพิ่มเติม ซึ่งต้องสอบถามกัน ถ้าเป็นสาระสำคัญจริง ๆ ก็ต้องรับฟังกันและคิดให้รอบคอบ    

“รอฟังในสิ่งที่พรรคเพื่อไทยเสนอและตั้งใจฟัง ถ้าฟังแล้วยังมีคำถามก็จะถามกลับไปยัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยต่อไปว่าหมายความว่าอย่างไร สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ฟังมากกว่า ลองดูสถานการณ์ว่าจะทำอะไรให้คลี่คลายได้บ้าง ต้องรับฟังความคิดเห็น เพราะมีปัจจัยต้องคิดให้รอบคอบ ยึดหลักการเป็นสำคัญและยึดในคำสัญญาที่หาเสียงไว้ ซึ่งจะอธิบายได้ว่ามีหลักประกอบการพิจารณาอย่างไร รวมทั้งรับฟังประชาชนด้วย ยอมรับว่าไม่ใช่เฉพาะโซเชียลมีเดียที่ไม่ให้พรรคก้าวไกลโหวตให้นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย และจากการลงพื้นที่ที่ผมได้ย้ำไปเเล้ว อย่าฟังเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว


เมื่อถามว่าถ้าไม่มีการโหวตให้อาจจะมีผลกระทบต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าโหวตจะมองว่าพรรคก้าวไกลถอยถึงที่สุดแล้ว นายพิธา กล่าวว่า เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่จะต้องรับฟังและพิจารณา เพราะ 4 ปีที่ผ่านมามีความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญและโหวตไว้ ซึ่งมีบางคนที่ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากเราเอาองค์ประกอบของคนที่ขัดขวางรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่จะต้องซักถามและพูดคุยกันเพื่อหาความชัดเจน ขณะนี้น้ำหนักการพิจารณาโหวตนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องของการรับฟังอย่างรอบคอบ ถ้าข้อมูลยังไม่ครบก็ต้องถาม ยังมีเวลาก่อนตัดสินใจ

ส่วนกรณีคดีถือหุ้นไอทีวี หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต. ยังไม่ได้ติดต่อมา ทำให้ยังไม่มีโอกาสได้ชี้แจงหรือทำเป็นหนังสือ ยังรอการชี้เเจง ส่วนกรณีคดีแก้ไขมาตรา 112 ที่เป็นการล้มล้างการปกครองและศาลรับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว ได้ขอขยายเวลาเพื่อไปชี้แจง โดยให้ฝ่ายกฎหมายของพรรครับผิดชอบ และได้ให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลดูแลเรื่องนี้

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะเกิดซ้ำรอยทำให้ยุบพรรค นายพิธา กล่าวว่า ขอรอให้ไปชี้แจง หลักฐานจริงๆ ไม่ขอพูด ขอให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ พร้อมบอกสื่อคิดถึงทุกคน.-สำนักข่าวไทย        


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง