รัฐสภา 4 ส.ค.- “รังสิมันต์ โรม” ลั่นก้าวไกลเจ็บแล้วจำ ถ้าเพื่อไทยไม่มีที่ไปแล้วจะกลับมา คงต้องคุยกันในพรรคก่อน ชี้เพื่อไทยไม่อิง FC ตั้งแต่ต้นจึงมีวันนี้ ก้าวไกลยังไม่ตัดสินใจโหวตหนุน “เศรษฐา” หรือไม่
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยจะกลับมาร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล หลังมีกระแสข่าวว่า สว.อาจจะไม่โหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ว่า คงตอบแทนพรรคเพื่อไทยไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้วไม่มีที่ไป จะกลับมาร่วมกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ และคงต้องไปถามพรรคเพื่อไทยเอง แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกลคงโฟกัสกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่พยายามเสนอทางออกให้กับสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นญัตติขอให้รัฐสภาทบทวนมติที่ไม่ให้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีในรอบที่ 2 และเดินหน้าผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ปิดสวิตช์ สว.เลือกนายกรัฐมนตรี
“ต้องเรียนตามตรง พรรคก้าวไกลยังไม่มีข้อสรุปว่าจะโหวตให้นายเศรษฐาหรือไม่ และถ้าเพื่อไทยจะกลับมา ต้องคุยกันในพรรรคก่อน แต่ขอย้ำเราเจ็บแล้วจำ ผมคงตอบแทนไม่ได้ เพราะยังไม่ได้คุยกันเลย และยังไม่แน่ใจว่าสุดท้ายที่วิเคราะห์กันว่า เพื่อไทยที่อาจจะโดนเรียกว่าแร้งการุมทึ้งจริงหรือไม่ ก็เป็นข่าวลือ เป็นการพูดกันตามที่นักวิเคราะห์ ผมยังไม่ปักใจเชื่อขนาดนั้น” นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนหากประชาชนและ FC เรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลกลับมารวมกัน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า FC เรียกร้องเรื่องนี้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะพี่น้องประชาชนต้องการเห็นพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยจับมือกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ใช่ประชาชนเพิ่งมาเรียกร้องตอนนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือ พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจาก 8 พรรค ให้ไปเจรจาเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล แต่ไปแล้วกลับมาบอกว่า พรรคการเมืองต่าง ๆ รวมทั้ง สว. ที่ไปเจรจามา ไม่เอาพรรคก้าวไกล บอกให้พรรคก้าวไกลออกไป จึงไม่ใช่เรื่องที่มีประชาชนอยู่ในสมการตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว หากประชาชนอยู่ในสมการ จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
สำหรับพรรคก้าวไกลจะลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคยังไม่ได้ตัดสินใจและไม่ได้ตั้งเงื่อนไข แต่ถ้ากลับไปในวันที่มีการพูดคุยกันนั้น เราได้รับแจ้งจากเลขาธิการพรรคว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้พูดในเวทีวันนั้นว่า ให้พรรคถอยเรื่องมาตรา 112 และไม่ได้ขอให้พรรคโหวตให้ ในพรรคก็มีการแสดงความคิดเห็น แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะลงมติอย่างไร และตอนนี้ก็ยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าจะได้ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันไหน เพราะประธานรัฐสภาปิดประชุมไปอย่างที่ไม่มีใครทราบมาก่อน ซึ่งกรณีนี้หากมีการประชุมวิปอย่างต่อเนื่อง การควบคุมการประชุมก็จะมีประสิทธิภาพ เมื่อไม่มีการประชุมวิปก็ยิ่งไปกันใหญ่
“ท่าทีของพรรคในเรื่องของการแก้ไขมาตรา 112 ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และขอเรียนตามตรงชัดๆ ว่า ปัญหาที่จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ไม่ใช่เพราะการเสนอแก้ไขมาตรา 112 แต่เป็นเพราะก้าวไกลเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล และเรามีนโยบายเรื่องการทำลายทุนผูกขาด ทลายการรวมศูนย์อำนาจในรัฐราชการ จึงทำให้ขั้วการเมืองเก่าไม่อยากให้พรรคก้าวไกลอยู่ตรงนี้ เพราะเขารู้และตระหนักว่า ถ้าก้าวไกลมาอยู่ตรงนี้ได้ เราจะคืนอำนาจที่เป็นของประชาชน กลับคืนมาสู่ประชาชน และเราเอาจริง” นายรังสิมันต์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย