รัฐสภา 18 ก.ค.-“นพ.ชลน่าน” โยนที่ประชุมรัฐสภาชี้ขาดโหวต “พิธา”รอบสองได้หรือไม่ ลั่นเพื่อไทยพร้อมตั้งรัฐบาลแทนก้าวไกล เล็งฉีก MOU 8 พรรคร่วม เปิดทางดึงพรรคอื่นเติมเสียงหนุน
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรเพื่อไทย กล่าวว่าในที่ประชุมทั้งสองฝ่ายได้มีการถกเถียงถึงข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อที่ 41 จะสามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดต จากพรรก้าวไกล โหวตรองสองได้หรือไม่ ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าไม่สามารถเสนอได้ เพราะติดเงื่อนไขข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อที่ 41 ที่ระบุว่าญัตติที่มีหลักการเดียวกันถ้าถูกตีตกไปแล้วไม่สามารถมนำมาเสนอซ้ำได้อีก เว้นแต่มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าไม่ขัดข้อบังคับการประชุมข้อที่ 41
“แต่ที่ประชุมไม่สามารถสรุปหาทางออกได้ จึงขอให้ประธานรัฐสภาหาข้อวินิจฉัยว่า มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ หรือถ้าจะให้มีการโหวตเลือกนายกฯได้จะใช้เหตุผลได้ พรุ่งนี้(19 ก.ค.) เมื่อเปิดประชุมแล้ว ตามมติ 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอชื่อนายพิธาโหวตนายกฯอีกรอบ โดยพรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้เสนอชื่อนายพิธา แต่ถ้ามีคนเห็นต่างอยากให้ญัตติดังกล่าวตกไป ก็จะต้องมาอภิปรายถกเถียงกัน สุดท้ายคงต้องใช้วิธีการลงคะแนนตัดสิน ถ้าญัตติดังกล่าวตกก็ถือว่าจบไป ต้องไปนัดประชุมรอบใหม่” นพ.ชลน่าน กล่าว
ส่วนการเสนอชื่อนายพิธาโหวตเป็นนายกฯ รอบสาม จะต้องได้คะแนนในรอบสองเท่าไหร่ ถึงจะเสนอชื่อในรอบต่อไปได้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า กรณีนี้ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เคยคุยกัน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ยกตัวอย่างถึงการโหวตรอบสามว่า จะต้องมีแนวโน้มของสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งนายพิธาบอกว่าควรมีคะแนนเพิ่มขี้น 10 เปอร์เซนต์ หรือ 344-345 คะแนน แต่ถ้าดูคำว่า 10 เปอร์เซนต์ แล้วหมายความว่าจะต้องได้เพิ่มอีก 32 คะแนน เมื่อไปร่วมกับ 324 เสียงเดิมจากรอบแรกจะต้องได้คะแนนถึง 356-360 ถึงจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่นายพิธาพูดเอาไว้
“พรรคเพื่อไทยเคารพพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่ง แต่พรรคก้าวไกลยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการในการให้พรรคอันดับสองขึ้นมาจัดตั้งรัฐบาล เพื่อไทยจะมาทึกทักว่าเป็นโอกาสของตัวเองไม่ได้ โดยความชอบธรรมจะต้องรอให้มีแถลงการณ์จากพรรคอันดับหนึ่ง มอบให้พรรคอันดับสองเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยจึงจะบอกได้ว่าเสนอชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ” นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยต้องการเวลาการหาเสียงสนับสนุนนานเท่าไหร่ ในการตั้งรัฐบาลหากชื่อของนายพิธายังไม่ผ่านการโหวตในรอบสอง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความพร้อม แต่ต้องรอให้ผ่านกระบวนการภายในพรรคฯก่อน ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล หลายเรื่องจะต้องเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเนื้อหาสาระของ MOU ทั้ง 8 พรรคหลายเรื่องจะต้องเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ใช่การยกเลิก เช่น ชื่อของนายพิธา จะต้องเปลี่ยนไปเป็นใคร การเติมเสียงพรรคที่ 9 พรรคที่ 10 การหาเสียง ส.ว.มาสนับสนุนเพิ่มเติม ถ้าประธานรัฐสภา จะบรรจุญัตติเลือกนายกฯ ในสัปดาห์หน้าเราก็มีความพร้อม
ส่วนกรณีส.ว.ยังยืนหลักการว่าถ้ายังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลก็จะไม่โหวตให้พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นแค่สถานการณ์สมมติ การจะได้ 375 เสียง จะต้องดูว่า 8 พรรคร่วมรัฐบาลเห็นอย่างไร และพรรคเพื่อไทยมีสิทธิ์ที่จะปรับเปลี่ยนอะไรได้บ้าง รวมถึงการฟังเสียงของส.ว. องค์ประกอบเหล่านี้จะต้องนำมาประกอบกัน ดังนั้นอย่าเพิ่งไปคาดการณ์อะไรถึงขั้นนั้น
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบคัวเพื่อไทย ระบุว่าจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเสนอชื่อโหวต หากนายพิธาไปต่อไม่ได้ ว่า เป็นความเห็นของน.ส.แพทองธาร จะต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมพรรคฯก่อน ส่วนชื่อของนายเศรษฐาจะสามารถนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 19 ก.ค.ได้ทันทีหรือไม่ หากชื่อของนายพิธาไม่ผ่านนั้น ในทางปฏิบัติไม่ควรยื่นญัตติซ้อน เพราะชื่อของนายเศรษฐาไม่เคยเอาเข้าสู่ที่ประชุมของ 8 พรรคร่วมฯ เพื่อหารือกันมาก่อน อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูเหตุการณ์ในวันที่ 19 ก.ค.อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย