เตือน 7 พรรคเลือกคนคุณสมบัติต้องห้าม

รัฐสภา 10 ก.ค. –“เสรี” ส.ว. ยันไม่หนุนนายกฯ ที่มีคุณสมบัติต้องห้าม เตือน 7 พรรคคิดรอบคอบ อาจมีปัญหาถึงขั้นยุบพรรค พร้อมติงนักการเมืองต้องไม่ยุประชาชนลงถนน ส.ว.ไม่สนเสียงกดดันหน้าสภาฯ ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ


นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กล่าวถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ส่งศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบสถานภาพของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล จะเป็นปัจจัยการตัดสินใจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของส.ว.หรือไม่ ว่า มีผลต่อการตัดสินใจคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีด้วยอยู่แล้ว โดยส.ว.จะหารือทำความเข้าใจกัน การที่กกต. จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นแนวทางที่จะทำให้เกิดความชัดเจน ถูกต้องและแก้ปัญหาเกี่ยวกับความเห็นที่แตกต่างทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ  ซึ่งถือว่าทำถูกแล้ว ซึ่งกกต.ควรยื่นคดีอาญาตามมาตรา 151 ตั้งนานแล้วด้วย ซึ่งการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา

นายเสรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การสกัดกั้นนายพิธาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เรื่องเหล่านี้เป็นบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่กำหนดว่าให้บุคคลที่ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องมึคุณสมบัติ ไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนั้น การทำหน้าที่ของส.ส.และสว.ตามรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องทำหน้าที่เลือกคนที่มีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้าม คือต้องไม่ถือหุ้นสื่อไอทีวีตามที่ปรากฏในสื่อ เพราะฉะนั้นการทำหน้าที่ไม่จำเป็นต้องรอศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นคุสมบัติที่มีความผิดในตัวของมันเอง เพียงเเต่ส่งสารรัฐธรรมนูญให้เกิดข้อยุติเท่านั้นเอง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้ว


 “ผมยังเป็นห่วง 8 พรรคร่วมที่ไปร่วมเซ็น MOU กันไว้ จะกล้าตัดสินใจเลือกคนที่คุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะจะกลายเป็นว่าเลือกคนที่ขาดคุณสมบัติซึ่งจะขัดรัฐธรรมนูญ 8 พรรคการเมืองที่ว่าไปแล้วก็เหมือนปลาในข้องเดียวกัน หากยังเลือกคนที่ขาดคุณสมบัติ มีลักษณะต้องห้าม จะมีปัญหากับ 7 พรรคการเมืองเหล่านั้น ก็ฝากให้พิจารณาข้อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในส่วนนี้ ฝากแต่ละพรรคการเมืองที่สนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ดูรัฐธรรมนูญตามมาตรา 159 หรือยังว่าคนที่จะเลือกได้นั้น ต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้าม นายพิธาถือหุ้นสื่อมา 17 ปี ก็เข้าข่ายที่จะถูกวินิจฉัยว่าถือหุ้นสื่อและขัดรัฐธรรมนูญ พรรคการเมืองต้องไปดูตรงนี้ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นว่ากระทำการขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง ในส่วนที่ไปเลือกคนที่ไม่มีคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ไปเป็นนายกรัฐมนตรีจนกลายเป็นว่าล้มล้างระบบการปกครองหรือไม่ เเต่ก็ยังพยายามที่จะเลือกกัน โดยไม่คำนึงถึงมาตรา 159 และเมื่อขัดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 จะถูกตีความไปไกลอีกเยอะ และท้ายที่สุดแล้วจะทำร้ายตัวคุณเอง ส่วนที่กลัวว่า 188 กว่าเสียง แล้วจะไปตั้งรัฐบาล มันไม่ได้ เกิดจากที่ไหน แต่เกิดจากพวกคุณที่ไปไกลถึงถูกยุบพรรค ผมไม่อยากให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น” นายเสรี กล่าว

ส่วนที่พูดกันว่าส.ว.ไม่เคารพเสียงของประชาชน นายเสรี กล่าวว่า การที่ประชาชนลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองการเมืองที่ตนเองเลือกไม่ได้แปลว่าให้พรรคที่เลือกสนับสนุนพรรคอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี  เท่ากับขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองนั้น ๆ แต่การทำหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรีคือหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นคนละส่วนกับคะแนนที่ประชาชนเลือกมา ขอให้ทำความเข้าใจตรงนี้

นายเสรี กล่าวว่า ในวันที่ 13 ก.ค.จะมีการนัดชุมนุมนั้น ซึ่งตนมองว่าไม่ควรยุยงให้ประชาชนลงถนนสร้างความปั่นป่วน เกิดความไม่สงบเรียบร้อย การเป็นนักการเมือง ต้องมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองประชาชน อย่าไปพูดว่าถ้าไม่เลือกแล้วประชาชนจะออกมาชุมนุม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้ไม่เหมาะสมที่จะขึ้นมาบริหารประเทศหรือเป็นผู้นำประเทศ เพราะถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ ยุยงส่งเสริมให้คนทำผิดกฎหมาย สร้างความไม่สงบเรียบร้อยก็ไม่ควรทำ


“ส.ว.ไม่กังวลเพราะทำตามกฎหมาย ถ้าเราเห็นว่าสิ่งใดไม่ถูกต้อง หากเกรงหรือหวาดหวั่นสิ่งที่มากดดัน เราก็ไม่รับผิดชอบ และเราก็คล้อยตามไป ทั้งที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง เราก็ถือว่าเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ สำหรับในกลุ่มส.ว.ของผม ยืนยันที่จะไม่สนับสนุน พรรคการเมืองที่กระทบกับสถาบัน แก้มาตรา 112 และทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  โดยไม่เว้นหมวด 1 หมวด 2 และเชื่อว่าเสียงที่จะสนับสนุนนายพิธาบอกลบไม่เกิน 5 เสียง” นายเสรี กล่าว

นายเสรี กล่าวว่า ไม่กังวลพลังเงียบของกลุ่มส.ว. เพราะว่าพลังเงียบก็คือเงียบ  เงียบหมดไม่มีหรอก ที่บอกว่ามีแต่ไม่ออกมาแสดงตน  มีแต่รายชื่อที่บอกว่าจะสนับสนุนแต่กลับถอย  แล้วที่บอกว่าปัจจุบันได้เพิ่มขึ้น หากมีจริงก็ขอให้แสดงตัว ส่วนจะงดออกเสียงหรือไม่เห็นชอบอยู่ที่กระบวนการ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะเลือก ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้ติดต่อมาที่ตน แต่ติดต่อส.ว.คนอื่น.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

US election

ทรัมป์-แฮร์ริส หาเสียงวันสุดท้าย ก่อนหย่อนบัตรวันนี้

ขณะนี้เหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 5 พฤศจิกายน ผลสำรวจความเห็นประชาชนต่างชี้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคอมมาลา แฮร์ริส