กทม.120 มิ.ย.- “วัฒนา”มือบึ้ม”พระมงกุฎ” ขอโทษผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ ยันทำลำพัง ต้องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ชี้ ทำระเบิดแต่ละครั้งใช้เงินแค่ 50 บาท ด้าน ผบ.ตร.เตรียมทวนการป้องกันก่อเหตุแบบ”โลน วูล์ฟ”
พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวกรณีจับนายวัฒนา ภูมเรศ อดีตวิศวกรไฟฟ้า มือวางระเบิดที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 1 ห้องรอรับยานายทหารชั้นสัญญาบัตร โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 20 คน โดยถูกจับกุมเมื่อ 14 มิถุนายนว่า นายวัฒนาก่อเหตุวางระเบิดทั้งหมด 3 คดี สิ่งที่เกี่ยวข้องกันคือ สวิตซ์ไฟฟ้า ลักษณะสายไฟฟ้าและแผงไฟฟ้า ตั้งแต่วางระเบิดปี 2550, วางระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ 15 พฤษภาคมปีนี้ จนถึงวางระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ จบด้านวิศวกรไฟฟ้า จึงมีความชำนาญเรื่องการต่อวงจรไฟฟ้า
นายวัฒนา เล่าว่า เหตุวางระเบิดปี 2550 และ 2560 เพราะไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลมาจากการปฏิวัติ ทุกครั้งที่วางระเบิดพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ ก่อเหตุเป็นเชิงสัญลักษณ์ว่า ประชาชนรากหญ้าไม่ได้ชื่นชมรัฐบาลที่มาจาการปฏิวัติ ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายผู้ใด ขออภัยอย่างยิ่งกับผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน ยืนยันว่าทำเพียงลำพัง ไม่มีใครชี้นำ ส่วนตัวรักทหาร แต่ไม่ชอบทหารบางนายใช้ประชาชนสู่ตำแหน่งผู้นำ มั่นใจ เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นจะทำให้รัฐบาลหันหน้ามาคุยกับประชาชนมากขึ้น ส่วนงบที่ใช้ในการทำระเบิดแค่ครั้งละ 50 บาท
จากนั้นจะคุมตัวนายวัฒนา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 3 จุดสำคัญคือที่บ้านพักย่านบางเขน ซึ่งพบไปป์บอมบ์และอุปกรณ์ประกอบระเบิด, หน้าเมเจอร์รัชโยธินและโรงพยาบาลพระมงกุฎฯจุดวางระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
สำหรับนายวัฒนา ถูกออกหมายจับทั้งหมด 5 หมายจับ โดยมีพยานหลักฐานว่า เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์รัชโยธิน เมื่อ 9 เม.ย.50, คดีระเบิดหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเดิม กองสลากแห่งเก่า เมื่อ 5 เม.ย. 60, คดีระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ เมื่อ 15 พ.ค.60, คดีระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ เมื่อ 22 พ.ค.60 และ ข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง หลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจค้นบ้านพักย่านบางเขนแล้วพบไปป์บอมบ์พร้อมอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก ในความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ, มีวัตถุระเบิดและอาวุธปืนเครื่องกระสุนโดยไม่รับอนุญาต, มียุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาต และทำให้เสียทรัพย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการแถลงข่าวตำรวจไปเปิดวีดีทัศน์รวมเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยระบุถึงการสืบสวนจนพบว่าวัสดุที่นำมาประกอบระเบิดมีลักษณะคล้ายกัน จึงเชื่อว่าผู้ประกอบระเบิดในแต่ละจุดเป็นบุคคลเดียวกัน ก่อนพบภาพผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิดเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ พบผู้ต้องสงสัยขับรถยนต์มาจอดที่การไฟฟ้าย่านบางกรวย จ.นนทบุรี แล้วหยิบถุงพลาสติกออกจากรถ ภายในมีแจกันดอกไม้ ก่อนขี่รถจักรยานมาต่อรถโดยสารสาธารณะ ไปโรงพยาบาลพระมงกุฎฯโดยใช้หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ก่อนเข้าไปในห้องวงษ์สุวรรณประมาณ 1 ชั่วโมง 33 นาที แล้วออกมาก่อนเกิดระเบิดเพียง 10 นาที โดยปรากฏภาพถือถุงพลาสติกแต่ไม่มีแจกันอยู่ด้านใน แล้วเดินต่อไปที่เกาะราชวิถี อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขึ้นรถโดยสารกลับไปที่การไฟฟ้าย่านบางกรวย
จากการสืบสวน พบสวิตช์ไฟฟ้า ไอซีทามเมอร์ สายไฟ และแผงวงจร มีลักษณะตรงกันทั้ง 3 คดีที่เกิดขึ้นในปี 2560 และยังตรงกับเหตุระเบิดบางจุดที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2550 จึงมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดนับร้อยตัว จนได้หลักฐานสำคัญเป็นภาพวัตถุระเบิด จนสามารถกำหนดช่วงระยะเวลาที่เกิดเหตุได้ สามารถจำกัดภาพบุคคลต้องสงสัย ก่อนนำไปสู่การตรวจค้นและพบพยานหลักฐานที่ยืนยันการกระทำผิดของนายวัฒนา ซึ่งให้การอ้างไปถึงเหตุเมื่อปี 2550 ด้วย
พลตำรวจเอกจักรทิพย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลเพิ่มเติมว่า มีผู้อื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ถ้ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงผู้ใดให้ดำเนินการทั้งหมด แม้นายวัฒนา จะสารภาพว่า ก่อเหตุเพียงลำพัง ยอมรับว่า การป้องกันการก่อเหตุแบบ”โลน วูล์ฟ” (Lone Wolf หมาป่าโดดเดี่ยว) หรือก่อเหตุแบบฉายเดี่ยว ป้องกันได้ยาก ซึ่งจะต้องมีการทบทวนแผนป้องกันอีกครั้ง
ด้านพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า การจับกุมครั้งนี้ ไม่ผิดตัว โดยจะสืบสวนขยายผลต่อไป.-สำนักข่าวไทย