ปารีส 4 ก.ค. – นายกเทศมนตรีของเมืองต่างๆ ทั่วฝรั่งเศส จัดการชุมนุมเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น เรียกร้องให้ยุติการปะทะด้วยความรุนแรงที่เกิดขึ้น หลังจากวัยรุ่นชายถูกตำรวจยิงเมื่อวันอังคารที่แล้ว ขณะที่เหตุไม่สงบเริ่มลดลงทั่วประเทศ
การชุมนุมเรียกร้องให้ประเทศกลับเข้าสู่ความสงบ มีขึ้นหลังจากกลุ่มปองร้ายขับรถที่มีไฟลุกไหม้พุ่งชนบ้านของนายแวงซองต์ ฌองบรึง นายกเทศมนตรีเมืองไล-เลส์-โฮส ชานกรุงปารีสเมื่อเช้ามืดวันอาทิตย์ ทำให้ภรรยาของเขาขาหักขณะพาลูกเล็กวัย 5 ขวบและ 7 ขวบวิ่งหนี นายฌองบรึงกล่าวในการชุมนุมว่า ประชาธิปไตยถูกทำร้าย เรื่องนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ต่อไปและจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ก่อนหน้านี้เขาให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ว่า ไม่เคยคิดเลยว่าครอบครัวจะถูกข่มขู่ถึงชีวิต ด้านทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสแถลงว่า วันนี้ตามเวลาฝรั่งเศสประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงจะพบกับนายกเทศมนตรีกว่า 220 เมืองที่เกิดเหตุไม่สงบ
แหล่งข่าวในทำเนียบประธานาธิบดีเผยว่า ประธานาธิบดีมาครงได้ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจตำรวจในกรุงปารีสเมื่อคืนวันจันทร์ เป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุจลาจลปะทุขึ้นในคืนวันอังคาร หลังจากนายนาเฮล เอ็ม วัยรุ่นชายเชื้อสายแอลจีเรียวัย 17 ปีถูกตำรวจยิงเสียชีวิตขณะถูกเรียกให้จอดรถเพื่อตรวจตราในวันเดียวกัน ตำรวจแจ้งว่า การก่อความรุนแรงทั่วประเทศได้ลดลงมาก โดยเมื่อเวลา 22:00 น.วันจันทร์ตามเวลาฝรั่งเศส ตรงกับเวลา 03:00 น.นี้ตามเวลาไทยมีคนถูกจับกุมในกรุงปารีสและชานเมืองเพียง 11 คน และหากนับตั้งแต่วันศุกร์เป็นต้นมา มีคนถูกจับกุมทั้งหมด 3,900 คน เป็นเยาวชน 1,244 คน แหล่งข่าวเผยว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนเริ่มสอบปากคำผู้โดยสารในรถของนาเฮล ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับขี่ขณะขับรถ เพื่อไขความกระจ่างเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นำมาสู่การที่ตำรวจยิงเขา และนำมาซึ่งการก่อจลาจลทั่วประเทศ
เหตุจลาจลครั้งนี้ร้ายแรงที่สุดในฝรั่งเศส นับจากเหตุจลาจลนาน 3 สัปดาห์ที่เกิดขึ้นหลังจากวัยรุ่น 2 คนถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตขณะหลบหนีตำรวจในปี 2548 เมเดฟ (Medef) ซึ่งเป็นสมาพันธ์นายจ้างใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศสประเมินว่า มีธุรกิจเสียหายมากกว่า 1,000 ล้านยูโร (มากกว่า 38,266 ล้านบาท) จากการถูกปล้นชิงมากกว่า 200 แห่ง และมีสาขาธนาคารถูกทำลายเสียหาย 300 แห่ง ขณะที่ผู้ให้บริการขนส่งมวลชนในเขตปารีสเผยว่า เสียหายราว 20 ล้านยูโร (ราว 765 ล้านบาท) จากการที่รถโดยสารสิบกว่าคันและรถราง 1 ขบวนถูกวางเพลิง.-สำนักข่าวไทย