ย่างกุ้ง 28 มิ.ย. – ธนาคารโลกกล่าวว่า การตัดกระแสไฟฟ้าและข้อจำกัดต่าง ๆ ที่รัฐบาลทหารกำหนดขึ้นเกี่ยวกับการทำธุรกิจและการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกำลังเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจของเมียนมา
ธนาคารโลกกล่าวในรายงานที่ปรับปรุงใหม่ซึ่งเผยแพร่เมื่อวานนี้ว่า สภาพเศรษฐกิจของเมียนมาแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการเกิดเสถียรภาพเป็นการชั่วคราวในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ดูเหมือนจะลดความร้อนแรงลง ผลผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรมและคำสั่งสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี แต่จีดีพีของเมียนมายังคงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 10 ซึ่งต่ำกว่าในปี 2019 พร้อมทั้งเตือนว่า เศรษฐกิจเมียนมาจะเสียหายเป็นการถาวรจากผลกระทบที่เกิดจากการรัฐประหารของกองทัพ
ธนาคารโลกกล่าวว่า นับตั้งแต่เริ่มต้นปีนี้เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลทหารประกาศใช้ข้อกำหนดเพิ่มมากขึ้นในการควบคุมการส่งออกและนำเข้าสินค้าและกำหนระเบียบที่เข้างวดในการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดเปิดมีราคาสูงกว่าอัตราคงที่ที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ร้อยละ 20-30 ทำให้เกิดแรงกดดันต่อธุรกิจ ธนาคารโลกกล่าวว่า ธุรกิจต่า ๆ พบว่า เป็นการยากลำบากในการเข้าถึงการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและใบอนุญาตทางการค้า
การดับไฟฟ้ายังส่งผลกระทบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในปี 2023 โดยร้อยละ 42 ของบริษัททุกแห่งรายงานเรื่องไฟฟ้าดับว่าเป็นอุปสรรคที่กระทบกับการดำเนินกิจการมากที่นสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา การตัดไฟดังกล่าวเป็นเรื่องปกติในเมียนมา เนื่องจากระบบส่งไฟฟ้ามีความล้าสมัยและปริมาณความต้องการไฟฟ้ามีเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงเดือนที่มีอากาศร้อน รัฐบาลทหารกล่าวโทษว่า ปัญหาไฟฟ้าดับมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานโดยกลุ่มนักรบต่อต้านรัฐประหาร
ธนาคารโลกคาดหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจเมียนมาไว้ที่ร้อยละ 3 ในปีนี้นับจนถึงวันที่ 30 กันยายน ในปี 2019 การขยายตัวของจีดีพีของเมียนมาอยู่ที่ร้อยละ 6.8 ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19-สำนักข่าวไทย