22 มิ.ย. – เปิดประวัติ “ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” และย้อนปฏิบัติการคุมทัพช่วยชีวิต 13 หมูป่า ติดถ้ำหลวง เมื่อ 5 ปีก่อน จนได้รับฉายา “ผู้ว่าหมูป่า”
นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี หรือที่รู้จักในนาม “ผู้ว่าหมูป่า” เสียชีวิตแล้วเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (21 มิ.ย.) หลังรับการรักษาโรคมะเร็ง ที่โรงพยาบาลศิริราชมาหลายสัปดาห์
สำหรับ นายณรงค์ศักดิ์ มีบทบาทอย่างมาก เมื่อครั้งเป็นผู้ว่าฯ เชียงราย โดยท่านเป็นผู้บัญชาการในเหตุการณ์ช่วยกู้ชีวิตทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอคาเดมี่ 13 คน ติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน – 10 กรกฎาคม 2561 จนได้รับฉายาจากสื่อว่า “ผู้ว่าหมูป่า”
อีกทั้ง ในการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งล่าสุด นายณรงค์ศักดิ์ เกือบจะมาเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งนี้ด้วย ในนามของพรรคพลังประชารัฐ แต่แล้ววันที่ 14 ธ.ค.64 นายณรงค์ศักดิ์ก็ออกมาปฏิเสธ ไม่ลงเลือกตั้ง โดยได้ย้ายทะเบียนบ้านมาที่ จ.ปทุมธานี และทำหน้าที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
นายณรงค์ศักดิ์ เกิดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2508 ที่อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นบุตรใน 4 คน ซึ่งคุณพ่อของนายณรงค์ศักดิ์ เป็นอดีตทหารเสนารักษ์ประจำค่ายจักรพงษ์ จังหวัดปราจีนบุรีก่อนจะเปลี่ยนมาเปิดร้านขายยาบริเวณถนนลาดพร้าว กรุงเทพฯ ซึ่งคุณพ่อกก็ เลี้ยงลูก ๆ รวมถึง ท่านณรงค์ศักดิ์ แบบทหารเพื่อให้มีระเบียบวินัย
ด้านการศึกษา นายณรงค์ศักดิ์ จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนเซนต์หลุยส์ ฉะเชิงเทรา และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กรุงเทพมหานคร และสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาวิศวกรรมโยธาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี พ.ศ.2528 ปริญญาโทในสาขาวิชาภูมิมาตรศาสตร์และการสำรวจจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต สหรัฐในปี พ.ศ. 2531
นายณรงค์ศักดิ์ ยังสำเร็จการศึกษาในสาขาอื่น ๆ จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชโดยได้รับประกาศนียบัตรกฎหมายการที่ดินและทรัพย์สินในปี พ.ศ. 2535 ปริญญาตรีในสาขาวิชานิติศาสตร์ในปี พ.ศ. 2536 เทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจในปี พ.ศ. 2545 และรัฐประศาสนศาสตร์ในปี พ.ศ.2556 อีกด้วย
ส่วนด้านการทำงาน เข้ารับราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลแผนที่ ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีทำแผนที่ และที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมสำรวจของกรมที่ดิน ยังเป็นประธานกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิในหลายหน่วยงานของรัฐ เช่น สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นต้น
ถัดมา พ.ศ. 2559 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2560 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ก่อนได้ชื่อว่า “ผู้ว่าฯ หมูป่า” เพราะแผนปฏิบัติการกู้ภัยถ้ำหลวง เมื่อปี 2561 ในนามแม่ทัพใหญ่ ผู้นำทัพช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมฟุตบอล “หมูป่าอะคาเดมี” ได้มาพร้อมกับการยอมรับว่าเป็นนักปฏิบัติตัวจริง และย้ายเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาในปี พ.ศ. 2561 ก่อนจะสร้างผลงานเด่นชัดเรื่องการแก้ปัญหาหมอกควัน หรือฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน
ซึ่งถ้าย้อนกลับไปดูวีรกรรมของท่าน ครั้งปฏิบัติการค้นหาเพื่อช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมหมูป่าอะคาเดมี ติดถ้ำหลวง เมื่อ 5 ปีก่อน เรียกได้ว่าเป็น ภารกิจสุดหิน หลังได้รับแจ้งถึงการหายตัวไปของทีมหมูป่าอะคาเดมี ‘ผู้ว่าหมูป่า’ หรือ ‘ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร’ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในขณะนั้น นั่งผู้บัญชาการทีมกู้ภัยเฉพาะกิจ ระดมสรรพกำลังจากทุกมุมโลก ร่วมกันค้นหา ด้วยความพยายามของคนนับหมื่น ที่อาสากันลงไปช่วยเหลือ
เริ่มจากวันที่ 23 มิ.ย. 2561 ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน และนักฟุตบอลเยาวชนทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย เดินทางมาฝึกซ้อมฟุตบอลที่สนามบ้านจ้อง ตำบลโป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังจากฝึกซ้อมฟุตบอลเสร็จ ทั้งผู้ช่วยผู้ฝึกสอน อายุ 26 ปี 1 คน และนักฟุตบอลเยาวชนทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย อายุระหว่าง 11-16 ปี 12 คน รวม 13 ชีวิต ทั้งหมดติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย
ซึ่งในวันเดียวกัน ทีมกู้ภัยของมูลนิธิสยามรวมใจแม่สาย และศูนย์วิทยุ 191 สภ.แม่สาย ได้รับแจ้งเหตุว่า มีเด็กหายตัวเข้าไปในถ้ำหลวง จึงได้ประสานงานส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจในพื้นที่ เข้าไปตรวจสอบวันที่ 24 มิ.ย.2561 เป็นการค้นหาภายในถ้ำหลวง เป็นครั้งแรก และพบรองเท้าแตะและของจำนวนหนึ่ง แต่ต้องถอยออกมาเมื่อระดับน้ำในถ้ำหลวงสูงขึ้นเรื่อยๆ
แต่ปฏิบัติการค้นหา 13 หมูป่า ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความสนใจจากสื่อทุกมุมโลก ในครั้งนั้น (25 มิ.ย.61) มีการประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจม น.อ.อนันท์ สุราวรรณ์ ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 พร้อมหน่วยซีล หรือ มนุษย์กบ รวม 18 คน เดินทางจากฐานทัพเรือสัตหีบ ก่อนมาลงสำรวจถ้ำเพื่อหาช่องทางระบายน้ำ
จากนั้น เริ่มระดมความช่วยเหลือทั้งอุปกรณ์ และเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่มากขึ้น มีผู้เข้าร่วมช่วยชีวิตกว่า 10,000 คน รวมถึงนักดำน้ำกว่า 100 คน นักกู้ภัยจำนวนมาก ตัวแทนจากภาครัฐ 100 แห่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ 900 นาย และทหาร 2,000 คน รวมทั้งจำเป็นต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ตำรวจสิบลำ, รถพยาบาลตำรวจ 7 คัน, ถังดำน้ำมากกว่า 700 ถัง และสูบน้ำมากกว่าหนึ่งพันล้านลิตรออกจากถ้ำหลวง แต่อุปสรรคก็ยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของฝนที่ตกลงมา ส่งผลทำให้น้ำในถ้ำมากขึ้นเรื่อย ทำให้ทีมซีลต้องพักการทำงาน และช่วยกันวางแผนใหม่อีกครั้ง
ก่อนที่ต่อมา วันที่ 2 กรกฎาคม 2561 ช่วงค่ำ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย แถลงอย่างเป็นทางการว่าพบผู้ประสบเหตุ 13 หมูป่าแล้ว ทั้งหมดปลอดภัยดีอยู่บริเวณที่เรียกว่า ‘เนินนมสาว’ เลยพัทยาบีชไปอีกประมาณ 300-400 เมตร ซึ่งตอนนั้น ทุกคน ดีใจสวมกอดกัน ทำให้สภาพจิตใจของผู้ปกครองของเด็กๆ ดีขึ้นอย่างมาก ก่อนรอการช่วยเหลือตามระบบ
จากนั้น (4 ก.ค.61) มีการเผยแพร่คลิปเด็กๆ พุดคุยกับ หมอภาคย์ และหน่วยซีลอย่างอารมณ์ดี เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งดึงน้ำออกจากถ้ำ และเติมออกซิเจนเข้าไปในถ้ำตลอดทั้งวัน .-สำนักข่าวไทย
