กทม. 17 มิ.ย.- “พ.ต.อ.วิรุตม์” ชี้ปัญหาตำรวจตบทรัพย์ เรียกรับสินบนและส่วย มีมานานแล้ว แนะต้องปฏิรูปองค์กรตำรวจ กระจายอำนาจตรวจสอบ
พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองผู้บังคับการจเรตำรวจ กล่าวถึงกรณีตำรวจตบทรัพย์ เรียกรับสินบนและส่วย จนกลายเป็นข่าวดังเรื่อยมา ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้ ว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่ เกิดขึ้นมาเนิ่นนานแล้ว แต่สิ่งที่ไม่ปกติเกิดจากผู้เสียหาย ซึ่งเป็นกลุ่มสีเทา สุดทนและทนไม่ไหว จึงลุกขึ้นมาสู้ เพราะเขาคงจ่ายต่อไปไม่ไหว เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และกำลังจะมีรัฐบาลใหม่เกิดขึ้นจึงเหมือนเป็นโอกาส ลุกสู้ เช่นเดียวกับกรณีส่วยสติกเกอร์ทางหลวง
เรื่องตำรวจตบทรัพย์ จับแล้วปล่อยเกิดขึ้นมากมายในประเทศไทย และเกิดขึ้นมานานแล้ว ช่วงนี้เริ่มเพลาลงหลัง พ.ร.บ. ป้องกันการทรมานมาตรา 22 วรรค 2 ที่ระบุให้ตำรวจที่จะเข้าค้นจับกุมต้องแจ้งเรื่องให้นายอำเภอและอัยการทราบทันที เพื่อป้องกันการนำตัวไปทรมาน รีดทรัพย์ต่อรองไม่ได้ ส่วนคดีนี้เกิดขึ้นในช่วง 23-24 พ.ค.ที่ผ่าน ซึ่ง พ.ร.บ.ตัวนี้บังคับใช้แล้ว แต่เขาคงไม่แจ้ง ซึ่งที่ผ่านมา นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่พยายามคัดค้านการใช้ พ.ร.บ.ฉบับนี้มาโดยตลอด
การแก้ไขเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องยาก หากผู้นำให้ความจริงใจในการแก้ปัญหา ซึ่งที่ผ่านมา ผู้นำประเทศของเรา เคยระบุว่า การจ่ายส่วย ต้องดำเนินการทั้งผู้รับและผู้ให้ แสดงให้เห็นว่า ผู้นำยังขาดความเข้าใจขาดความจริงใจ ในการแก้ปัญหา ลืมคิดไปว่า ผู้ให้เขาไม่ได้อยากจะให้ แต่จำใจต้องให้เพราะถ้าไม่ให้ก็จะถูกกลั่นแกล้ง ดังนั้นหากต้องการแก้ปัญหา ตำรวจเรียกรับส่วย เรียกรับสินบน หรือตบทรัพย์ผู้ต้องหา ก็ต้องปฏิรูปองค์กรตำรวจ กระจายอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถทำการตรวจสอบและให้อัยการเข้าไปร่วมสอบสวน ไม่ใช่ปล่อยอำนาจให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเพียงอย่างเดียว
อย่างกรณีนี้ ยังไม่มีการออกหมายจับหรือหมายเรียกตำรวจทั้ง 8 นาย แต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่าตำรวจไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา การสั่งย้ายไปช่วยราชการที่ศูนย์ สปก.ตร. ไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่เป็นการคุ้มครองตำรวจทั้ง 8 นายมากกว่า หากจริงใจต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะเป็นความผิดร้ายแรง .-สำนักข่าวไทย