กทม. 17 มิ.ย.- “กระติก” ยืนยันไม่ได้รูดบัตรเดบิตของ “แตงโม” พร้อมแนะนำแม่สืบหาที่มาที่ไปก่อนแจ้งความ เพราะอาจถูกฟ้องกลับได้
จากกรณีที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบหลังพบข้อมูลว่ามีบุคคลนำบัตรเดบิตของแตงโม ไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงิน หลังแตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยระบุว่าบุคคลที่ใช้เป็นคนบนเรือที่เป็นคนสนิทของแตงโม
ล่าสุด วันนี้ (17 มิ.ย.) นางสาวอิจศรินทร์ หรือ กระติก เปิดเผยกับทีมข่าว หลังถูกเพ่งเล็งว่าเป็นบุคคลที่แม่กล่าวถึง โดย กระติก บอกว่า จากที่อ่านเนื้อข่าวที่แม่ให้สัมภาษณ์ ก็พอจะเข้าใจได้ว่าแม่หมายถึงตน ซึ่งหลังจากได้เห็นบัญชีของแตงโมที่แม่นำมาแจ้งความ ระบุว่ามีการตัดเงินจากบัตรเดบิต วันที่ 24 ก.พ. 65 เวลา 23.55 น. ซึ่งตอนนั้นทุกคนยังอยู่บนเรือวนหาแตงโมอยู่ และบนเรือก็ไม่มีเครื่องรูดบัตร ตนออกจากที่เกิดเหตุตอนประมาณตี 3 ส่วนตอนที่ลงจากเรือไปเข้าห้องน้ำ ก็ไปขอเข้าที่บ้านชาวบ้าน ไม่มีเครื่องรูดบัตรอยู่แล้ว ส่วนรายการตัดเงินจากบัตรเดบิตอีก 2 วันหลังจากนั้นที่แม่สงสัย ตนก็ไม่ทราบ แต่ยืนยันได้ว่าไม่ใช่ตน และที่ผ่านมา ตนไม่เคยใช้หรือแตะต้องบัตรเครดิต บัตรเดบิต ของแตงโมเลย มีแต่รับเงินส่วนแบ่งในฐานะผู้จัดการส่วนตัว ซึ่งแตงโมจะโอนให้เอง
ทั้งนี้ ตนอยากแนะนำให้แม่สืบหาที่มาที่ไปก่อนจะมาแจ้งความหรือให้ข่าว เพราะในสเตทเมนท์ก็มีรหัสการทำธุรกรรมที่ตรวจสอบได้ แม่สามารถไปตรวจสอบขอข้อมูลจากธนาคารก็ได้ว่ารายการที่ใช้ไปมีรายละเอียดอย่างไร แล้วค่อยมาแจ้งความ จะเป็นประโยชน์กว่าการออกมาพูดชี้นำสังคมให้เข้าใจผิด ทำให้คนอื่นเสียหาย ซึ่งจะทำให้แม่เดือดร้อนเองด้วย โดยตอนนี้ ตนเพิ่งได้อ่านแต่ข้อความ ยังไม่ได้ดูคลิปสัมภาษณ์ ซึ่งถ้าตนไปตรวจสอบแล้ว พบว่าแม่มีการพูดพาดพิง หมิ่นประมาทตนโดยตรง ตนก็ต้องออกมาใช้สิทธิปกป้องตัวเอง เพราะที่ผ่านมา ตนยอมมาตลอด ทั้งที่ก็ได้รับความเสียหายจากการให้ข่าวแต่ละครั้งของแม่ แต่ก็ให้อภัยไม่อยากมีเรื่อง เพราะแค่คดีหลักก็วุ่นวายมากพอแล้ว แต่ตอนนี้ผ่านมาเกิน 1 ปี คุณแม่ก็ยังไม่จบ และหลังๆ ก็มีแต่เรื่องเงิน ตนเลยไม่เข้าใจว่าแม่ต้องการอะไร แต่แนะนำให้ปรึกษานักกฎหมายเยอะๆ เพราะก่อนหน้านี้ก็โดน แซน วิศาพัช ฟ้องไปแล้ว
กระติก กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องเหล่านี้ที่แม่สงสัย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วและผ่านไปแล้ว ถ้าตนทำจริง ตำรวจต้องตรวจสอบเจอก่อนแม่แน่นอน เพราะตนโดนสอบสวนเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องบัญชีต่างๆ ตำรวจไม่ได้มองข้ามประเด็นการทำให้เสียชีวิตเพราะผลประโยชน์ และถ้าแม่อยากจะมองว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรม แม่จะละเส้นไม่ได้ จะมาบอกว่าให้อภัยลูกชาย 2 คน ว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุ แต่กับคนที่เหลือบอกว่าเป็นฆาตกรรมมันทำไม่ได้ เพราะเป็นเหตุการณ์เดียวกัน
ส่วนเรื่องกรมธรรม์ประกันชีวิต 1 ล้านบาท แม่ก็เป็นคนเอาไปฝากตำรวจไว้เอง และตำรวจก็เรียกตนเข้าไปรับ ซึ่งตนก็ทำตามหน้าที่ เก็บเงินใส่บัญชีไว้เป็นค่าเล่าเรียนของอีสเตอร์ ยืนยันว่าทำตามกฎหมาย ตามกระบวนการทุกอย่าง ส่วนที่แม่จะยื่นขอสิทธิในกรมธรรม์ 50% ในฐานะมารดา ก็ขอให้ปรึกษานักกฎหมายดูว่าทำได้ไหม ในเมื่อแตงโมระบุผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ไว้ชัดเจน .-สำนักข่าวไทย