“พิธา” แจงโอนหุ้นให้ทายาท ไม่ได้ขาย

เพื่อไทย 6 มิ.ย. – “พิธา” เผยโอนหุ้นไอทีวีให้ทายาทปลายเดือนที่ผ่านมา แต่จำวันไม่ได้ ปัดบอกว่าเป็นใคร ยันไม่ได้ขายตามที่เป็นข่าว รับมีความพยายามฟื้นคืนชีพไอทีวีสกัดเส้นทางนายกฯ


นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการขายหุ้นไอทีวีว่า ไม่ใช่ขาย แต่โอนให้ทายาทเรียบร้อยแล้ว สาเหตุเป็นเพราะที่ผ่านมาในอดีตมั่นใจข้อกฎหมายและหลักฐาน แต่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะมีความพยายามในการฟื้นคืนชีพไอทีวีขึ้นมา

“มีหลายคนได้แจ้งให้ทราบว่าในอนาคตกับในอดีตอาจจะไม่เหมือนกัน ถ้าในอนาคตมีความพยายามจะฟื้นฟูไอทีวีขึ้นมาจริง ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลทางธุรกิจหรือเหตุผลทางการเมืองก็ตาม จึงตัดสินใจโอนหุ้นให้กับทายาท ไม่ใช่การขาย เป็นการถ่ายโอนหุ้นให้ทายาทคนอื่นในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา แต่จำวันที่ไม่ได้” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว


เมื่อถามว่าเป็นโอนก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง นายพิธา ย้ำคำตอบเดิมว่า โอนในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา เป็นการโอนหุ้นให้ทายาท ไม่ใช่การขายหุ้นเหมือนอย่างที่มีข่าวออกไป เรื่องนี้ต้องชี้แจงให้สังคมเข้าใจ ส่วนโอนให้ใครนั้น เป็นเรื่องภายในครอบครัว

ส่วนประเด็นที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ให้ข้อมูลว่าเป็นการขายหุ้น อยากจะชี้แจงหรือไม่ตอนเห็นข่าว นายพิธานิ่งครู่หนึ่งก่อนตอบว่า ไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นอะไร เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา เรื่องที่ต้องชี้แจงมีทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องหุ้นไอทีวี ก็เป็นไปตามที่โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊ก แต่จุดตัดอยู่ที่อนาคต เพราะมีโอกาสที่ไอทีวีจะฟื้นฟูกลับมาทำธุรกิจต่อ

“หลายคนก็ออกมาบอกว่า มีความพยายามสกัดกั้นตนออกจากการเมือง ตนได้ยินอย่างนี้ แน่นอนว่าต้องกังวล เพราะอดีตกับอนาคตไม่เหมือนกัน อย่างที่บอกว่าอดีตก็คืออดีต แต่ในอนาคตมีความไม่แน่นอนอยู่ ดังนั้น ต้องมีความแน่นอน เพื่อให้ตั้งรัฐบาลให้ได้ ส่วนจะกระทบคุณสมบัติการเป็น ส.ส. หรือไม่ ต้องดูรายละเอียด แต่รอทาง กกต. ประสานมา ตนจะได้ชี้แจง เพราะไม่แน่ใจว่าสงสัยในประเด็นใด ซึ่งหาก กกต. ส่งหนังสือมาในสัปดาห์นี้ก็พร้อมชี้แจง” นายพิธา กล่าว


ส่วนที่มีข้อสังเกตว่าการโอนหุ้นเป็นการปัดเรื่องให้พ้นตัวหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นการโอนเพื่อป้องกันอนาคตในการฟื้นคืนชีพไอทีวี ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลทางธุรกิจของเขาหรือเป็นเพราะเหตุผลทางการเมืองที่ต้องการสกัดกั้นตน เพราะฉะนั้นเราต้องป้องกันความเสี่ยงตรงนี้ เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ลองกินเครื่องดื่มเมนูมินต์ช็อกของพรรคเพื่อไทยแล้วหรือยัง นายพิธา กล่าวว่า เดี๋ยวลงไปลอง ตนอยากกินทั้งกาแฟส้มและมินต์ช็อกซึ่งตนได้บอกกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยไว้แล้วว่าถ้ามาพรรคเพื่อไทยจะแวะไปชิม ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ที่พรรคก้าวไกลวันที่ 20 มิ.ย.นี้ จะเตรียมกาแฟส้มและมินต์ช็อกไว้ให้น.ส.แพทองธารลองชิมด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า แม้จะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการโอนหุ้นไอทีวีแล้ว แต่นายพิธาได้โพสต์ชี้แจงดังกล่าวโดยระบุว่า พร้อมสู้กับความพยายามคืนชีพไอทีวีเพื่อสกัดกั้นพวกเรา และพร้อมชี้แจง กกต. เดินหน้าตั้งรัฐบาลต่อไป.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง