นายกฯชื่นชมเด็กไทยคว้าเหรียญวิทยาศาสตร์โอลิมปิก

กรุงเทพฯ 12 ธ.ค. – นายกรัฐมนตรีชื่นชมเด็กไทยคว้า 1 เหรียญทอง 5 เหรียญเงินจากการแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศระดับ ม.ต้น ที่อินโดนีเซีย เร่งกระทรวงศึกษาธิการพัฒนาคุณภาพการศึกษาวิทย์-คณิต-การอ่าน ลดความเหลื่อมล้ำ เริ่มทันทีปี 2560

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ฝากชื่นชมและยินดีกับตัวแทนนักเรียนไทยที่สามารถคว้า 1 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน จากการแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ระดับม.ต้น ครั้งที่ 13 ณ ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 2-11 ธันวาคมที่ผ่านมา รวมถึงอาจารย์ผู้ควบคุมทีมและผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้

“นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เด็กไทยมีทักษะความสามารถเช่นเดียวกับเด็กทั่วโลก และยังมีความพร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองเพื่อแข่งขันในเวทีโลกได้ เพราะจากสถิติการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการด้านต่าง ๆ ที่ผ่านมาทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ นักเรียนไทยสามารถนำเหรียญรางวัลกลับมาได้เสมอ ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้วก็ได้รับ 16 เหรียญทอง 16 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง และรางวัลคะแนนรวมสูงสุดคณิตศาสตร์ 34 รางวัล จากการแข่งขันคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ระดับประถมศึกษา ที่อินโดนีเซียเช่นเดียวกัน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเร่งรัดให้กระทรวงศึกษาธิการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างโรงเรียน โดยเฉพาะด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และการอ่านตั้งแต่ปีการศึกษา 2560 เป็นต้นไป โดยอาจศึกษาวิธีการจากประเทศอื่น เช่น ประเทศเวียดนาม ที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว หรือนำแนวทางของกลุ่มโรงเรียนที่เน้นวิทยาศาสตร์และโรงเรียนสาธิต ซึ่งนักเรียนมีคะแนนจากการทดสอบ PISA 2015 ใกล้เคียงกับประเทศที่อยู่ในอันดับต้น ๆ เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เอสทัวเนีย ฟินแลนด์ มาประยุกต์ใช้กับโรงเรียนทั่วไป

“กระทรวงศึกษาธิการตั้งเป้าปรับกระบวนการเรียนการสอน โดยจะมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับเด็กที่มีผลการเรียนอ่อนและปานกลางของกลุ่มโรงเรียนทั่วไปมากเป็นพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้เด็กกลุ่มนี้มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลคาดหวังว่าจะช่วยให้คะแนนการทดสอบนักเรียนนานาชาติ หรือ PISA ขององค์การความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ที่ขึ้นทั้ง 3 ด้าน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย