31 พ.ค. – ในกิจกรรม Opportunity Day : บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน จัดโดยตลาดหลักทรัพย์ บมจ.ปตท. (PTT) นายธนพล ประภาพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินภาพรวมธุรกิจปีนี้มีทั้งปัจจัยบวกและลบ จากราคาพลังงานโลกที่ลดลง แต่กระจายการลงทุนทั้งธุรกิจใหม่และเก่า เพิ่มมูลค่าเพิ่ม จึงมีทั้งธุรกิจที่ทั้งได้รับผลกระทบและไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาพลังงาน ซึ่งแม้ราคาหุ้นจะต่ำลง แต่ก็ไม่มีแผนงานซื้อหุ้นคืน ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ศึกษานโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ และพร้อมจะเดินหน้าทำงานร่วม เพื่อดูแลทุกภาคส่วนตามเป้าหมายสร้างความมั่นคงพลังงาน
ทั้งนี้ คาดการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติ เมื่อเทียบกับปีก่อนปรับตัวลดลง สอดคล้องกับตลาด JKM ก็คาดว่าจะปรับตัวลงประมาณ 47% มาอยู่ที่ 15-21 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบียู จากปีก่อนเฉลี่ย 34 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบียู ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบ ก็คาดว่าจะปรับตัวลดลงราว 16% หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 79-84 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ด้านค่าการกลั่นสิงคโปร์ (GRM) คาดจะปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ มาอยู่ที่ 4-5 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล พร้อมกันนี้ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีคาดอ่อนตัวลง 6-12% จากปีก่อน จากความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอย ธุรกิจ Upstream ภายใต้ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม คาดว่าได้ปัจจัยหนุนจากสามารถรักษาระดับต้นทุนการผลิตและการเพิ่มปริมาณการจำหน่าย ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คาดปรับตัวสูงขึ้นตามดีมานด์ รวมถึงยังมีผลผลิตที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มกำลังการผลิตของแหล่งเอราวัณ หรือจี 1/61
ในขณะที่ธุรกิจน้ำมัน หรือ Downstream คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้น ตามเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่ขยายตัวได้ราว 3.4% โดยแรงหนุนหลักจากภาคการท่องเที่ยวฟื้น หลังจีนเปิดประเทศ ส่งผลการบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวต่อนเนื่อง รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลง กลับสู่เป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด ในขณะที่ Future Energy & Beyond ในส่วนของธุรกิจ EV Chargers คืบหน้าตามแผนงาน รวมทั้งโครงการลงทุนอื่นๆ เป็นไปตามแผนงาน
ในขณะที่เดียวกัน บริษัทในกลุ่ม ปตท. คือ ปตท.สผ. ก็เดินหน้าลงทุนเพื่อความมั่นคง โดยวานนี้ลงนามกับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ลงนามสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) จำนวน 2 แปลง หมายเลข G1/65 และ G3/65 อยู่ใกล้กับโครงการ G1/61 และ G2/61 ที่ ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว ทำให้สามารถพัฒนาโครงการได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นแหล่งพลังงานในการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้าง ความมั่นคงสร้างประโยชน์ ให้กับประเทศไทยในระยะยาว ในขณะที่ ปตท.สผ. ยืนยันสามารถผลิตก๊าซจากแหล่ง G1/61 ได้ตามเป้าหมาย เดือน ก.ค. ผลิต 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน , เดือน ธ.ค. เพิ่มเป็น 600 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน และเดือน เม.ย. เพิ่มเป็น 800 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน เป็นผลดีต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าต่ำลง. – สำนักข่าวไทย