ประชาธิปัตย์ 27 พ.ค.-“ราเมศ” โต้เฟคนิวส์กล่าวหา ปชป.ร่วมก๊วนสนามกอล์ฟวางแผนจัดตั้งรัฐบาล ยันไม่มีดีลเพื่อไทยให้หนุนโหวตประธานสภา เชื่อ 8 พรรคร่วมจัดตั้งมีคนเหมาะสม ย้ำ ปชป. เดินหน้าสุดตัวค้านแก้ ม.112
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตนจำเป็นต้องแถลงข่าววันนี้ เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เนื่องจากมีการพาดพิงว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมพูดคุยที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง โดยเขียนในภาพข่าวว่ามีการวางแผนที่ 2 โดยให้พรรคก้าวไกล รวมกับรวมไทยสร้างชาติ ไปเป็นฝ่ายค้าน และมีพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายรัฐบาล ขอยืนยันว่า ทุกคนในพรรคพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีใครไปร่วมกระบวนการคิด การเจรจากับพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น เราได้ยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นหากมีกระแสข่าวว่าประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการประสานร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองใด ก็ต้องขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องพรรคอยู่ในระหว่างการเลือหัวหน้าพรรคและกรรมการพรรคยังไม่เสร็จสิ้น เพราะการร่วมกับพรรคการเมืองใดจะต้องเป็นมติของพรรค โดยการเลือกหัวหน้า และกรรมการพรรค รอ กกต. ประกาศรับรองส.ส.อย่างเป็นทางการ ซึ่งตอนนี้มีรายงานเราได้เพิ่มมา 1 คน รวมเป็น 25 คน เมื่อชัดเจนก็จะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ โดยได้ย้ำผู้สมัครแต่ละพื้นที่สรุปและวิเคราะห์การแพ้เลือกตั้งเกิดจากสาเหตุใด เพื่อเสนอกรรมการชุดใหม่พิจารณาร่วมกับสมาชิกพรรคต่อไป
“ขอยืนยันว่าเราไม่ไปประสานร่วมคิดร่วมทำให้มีการเปลี่ยนแปลง หรือร่วมจัดตั้งรัฐบาล เป็นแค่กรณีข่าวที่ออกมาบิดเบือนให้เกิดความเสียหายกับพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนแกนนำของพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ที่จะมีการประสานหรือหารืออะไร ก็เรื่องของแกนนำ เราไม่ก้าวล่วงการจัดตั้งรัฐบาล” นายราเมศ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า กรณีที่ 2 มีการถกเถียงกันถึงตำแหน่งประธานสภา และพาดพิงการทำงานของนายชวน หลีกภัย ประธานสภานั้น ขอย้ำว่าการจะกำหนดว่าใครเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่ได้จัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีการเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภา มีอำนาจหน้าที่เป็นประธานรัฐสภาด้วย ซึ่งอำนาจหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ตามข้อบังคับการประชุมกำหนดไว้ ไม่มีหน้าที่ไปช่วยเหลือพรรคการเมืองใดในการผลักดันร่างกฎหมายต่างๆ หรือนอกเหนือ รัฐธรรมนูญหรือข้อบังคับ ที่สำคัญข้อบังคับการประชุมระบุว่าจะต้องวางตัวเป็นกลาง ในการทำหน้าที่
ส่วนที่อ้างว่าพรรคจะต้องได้ตำแหน่งประธานสภา เพื่อผลักดันร่างกฎหมายและอื่นๆ เป็นเรื่องของพรรคการเมืองของคุณ อย่างไรก็ตาม การทำหน้าที่ผลักดันการทำร่างกฎหมายเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา การให้ความเห็นต่างๆ ต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของนายชวน หลีกภัย ในฐานะเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ตรงไปตรงมา เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยึดหลักความเป็นกลาง
นายราเมศ ยังกล่าวถึงการกล่าวหาว่าทำไมไม่ร่วมผลักดันกฎหมายบางฉบับนั้น จะร่วมแบบนั้นได้อย่างไร เมื่อร่างกฎหมายนั้นไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการผลักดันร่างกฎหมายอาญา ที่มีการยกเลิกมาตรา 112 การลดโทษความผิดดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ดูหมิ่นศาล แย้งกับบทบัญญัติฐานรัฐธรรมนูญ ขัดแย้งกับการปฏิบัติหน้าที่ ประธานสภาไม่ได้ใช้อำนาจตามอำเภอใจ รวมทั้งข้อกล่าวหาที่บอกว่านายชวนไม่ผลักดันร่างกฎหมายต่างๆที่เสนอโดยภาคประชาชนก็ไม่เป็นความจริง เช่น ร่าง พ.ร.บ. อ้อยและน้ำตาล ร่าง พ.ร.บควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านเข้าสู่สภาในสมัยของนายชวน ก็จะเห็นว่าไม่ได้มีการละเลย อีกทั้งนายชวน ยังให้จะความใส่ใจเรื่องการทำงานอย่างโปร่งใส ผ่านโครงการบ้านเมืองสุจริต และการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงจัดให้มีการรับฟังความเห็นประชาชนในการเสนอกฎหมาย
นายราเมศ กล่าวต่อว่า เราเป็นห่วงเรื่องของการแก้ไขมาตรา 112 แม้ไม่ได้มีการระบุไว้ใน MOU แต่ร่างดังกล่าวได้เสนอ โดยพรรคก้าวไกลเมื่อ 25 มีนาคม 2564 ซึ่งบทบัญญัตินี้ทางพรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายกฎหมายได้รวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง เพราะเป็นร่างที่เราเป็นห่วงมากที่สุด ดังนั้นแม้จะไม่ได้มีการบรรจุเอาไว้ใน MOU แต่เมื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากก็มีโอกาสที่จะผลักดัน ให้มีการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ได้ เราไม่สามารถไว้วางใจได้ ขอย้ำว่าเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์จะร่วมในการต่อสู้คัดค้านมากที่สุด ไม่เช่นนั้นร่างกฎหมายฉบับนี้จะออกไปอย่างไม่ถูกต้อง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลยังมีความขัดแย้งเรื่องการแย่งตำแหน่งประธานสภา เรื่องนี้ตนไม่สามารถให้ความเห็นได้ และเชื่อว่าใน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ก็มีบุคคลที่สามารถทำหน้าที่ได้ดี แต่จะเลือกใครก็เป็นเรื่องของแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส่วนการที่นักวิชาการมองว่าน่าจะมีพรรคที่ 3 เข้ามาเป็นประธานสภานั่นก็ขึ้นอยู่กับแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนตนยืนยันว่าไม่มีการดีลจากพรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้พรรคประชาธิปัตย์ ช่วยโหวตเลือกประธานสภาของพรรคเพื่อไทย ซึ่งการโหวตนั้นต้องเป็นไปตามมติพรรค และขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์อยู่ระหว่างการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จึงขอยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีการประสาน หรือพูดคุยกับฝ่ายใดทั้งสิ้น.-สำนักข่าวไทย