“ชูวิทย์” ยันไปแน่! ปราศรัยใหญ่ “ภูมิใจไทย” เย็นนี้

กทม. 12 พ.ค.- “ชูวิทย์” ยืนยันเย็นนี้ไปร่วมสังเกตการณ์ เวทีปราศรัยใหญ่พรรคภูมิใจไทย ที่ Show Dc แน่นอน ขณะเดียวกัน หลังเลือกตั้ง จ่อฟ้องพรรคภูมิใจไทย 1,000 ล้านบาท ปมนโยบายกัญชาทำร้ายประชาชน


นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง กล่าวยืนยันว่าเย็นนี้ จะเดินทางไปเวทีปราศัยใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย ที่ Show Dc อย่างแน่นอน โดยส่วนตัวยังสงสัยในนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย จึงอยากให้นายอนุทินชี้แจงสาเหตุการสนับสนุนนโยบายกัญชาเสรี เพราะปัจจุบันนโยบายดังกล่าว ทำให้เกิดผลกระทบต่อเด็ก เยาวชน และสังคมเป็นวงกว้าง โดยจะเดินทางไปเพียงคนเดียว เพื่อแสดงออกทางสิทธิเสรีภาพของในมุมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกัญชา ทั้งนี้ จะได้มีโอกาสเจอนายอนุทินหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็เป็นการแสดงออก ในเชิง สัญลักษณ์

นอกจากนี้ ยังเตรียมรวมรวมหลักฐานและผู้เสียหาย ที่เชื่อว่ามีมากกว่า 300 คน เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เรียกค่าเสียหาย จากพรรคภูมิใจไทย เป็นเงินจำนวน 1,000 ล้านบาท เนื่องจากนำนโยบายสาธารณะมาทำให้ประชาชนรับผลร้ายจากกัญชา และเพื่อให้เห็นว่านโยบายกัญชากระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท จะนำไปใส่ในกองทุนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกัญชา โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ดูแล ช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2565 มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกัญชาเสรีจำนวนมาก ทั้งที่ไม่ได้เสพ แต่ได้รับผลกระทบจากกลิ่น หรือกลุ่มคนที่เสพจนช็อก และต้องนอนโรงพยาบาล รวมถึงกลุ่มคนที่บอกว่ารักษามะเร็งหายจากการใช้กัญชา แต่กลับพบว่าไม่มีใครรักษาหาย แต่เสพกัญชาจนเป็นมะเร็ง ทั้งนี้ คาดว่าหลังเลือกตั้ง จะสามารถดำเนินการฟ้องแพ่งได้


โดย ผศ.นพ .สมิทธิ์ เปิดเผยว่า หลังกระทรวงสาธารณสุขทำการปลดล็อกกัญชา จากการเป็นยาเสพติด เมื่อ 9 มิถุนายน 2565 ก่อให้เกิดผลกระทบตามมาอย่างมากมาย เพราะทำให้เยาวชนเข้าถึงกัญชา-ดอกกัญชาได้ง่าย และสามารถปลูกกัญชาในครัวเรือนและเชิงพาณิชย์ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตและไม่จำกัดจำนวน จึงมีโอกาสสูงที่อนาคตของเด็กจะเติบโตมาในสภาพสมองได้รับผลกระทบหากเสพกัญชา จนเกิดสภาพการเสพติดและมีอาการทางจิตจากการเสพกัญชา โดยที่ผ่านมา มีแพทย์กว่า 2,000 คน เครือข่ายเยาวชนกว่า 15,000 คน และมีผู้เข้าร่วมรณรงค์ให้ชะลอนโยบายกัญชาเสรีกว่า 18,000 คน รวมถึงนายชูวิทย์ที่เห็นถึงปัญหาของนโยบายกัญชาเสรีอย่างชัดเจน ซึ่งทางเครือข่ายขอร่วมให้กำลังใจนายชูวิทย์ และเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งเพื่อปกป้องอนาคตของเด็กและเยาวชนไทย แต่หากหลังเลือกตั้ง ยังพบว่ายังมีการสนับสนุนนโยบายกัญชาเสรีต่อเนื่อง ทางเครือข่ายฯ และนายชูวิทย์ จะเดินหน้า ฟ้องร้องศาลปกครอง ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับปลดล็อกกัญชาเสรี และเดินหน้าฟ้องมาตรา 157 กับเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ที่ออกคำสั่งปลดกัญชาเสรี .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง