กรุงเทพฯ 10 พ.ค.-บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 ภาพรวมธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565 มั่นภาพรวม ปี 2566 คาดว่า จะปรับตัวสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/2566 ไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 4,554 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7,183 ล้านบาท แต่ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิ 147ล้านบาท มาจากภาพรวมธุรกิจที่ดีขึ้น และราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากราคาเฉลี่ยไตรมาส 4/2565 หลังจากตลาดคลายความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบตึงตัว ประกอบกับความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อ ทำให้บริษัทฯ ยังต้องรับรู้ผลขาดทุนราคาสตอกน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาน้ำมันดิบที่ใช้กลั่นจริงเทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบ (Crude Premium) ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญได้ปรับลดลงตาม ทำให้ธุรกิจการกลั่นยังมีผลการดำเนินงานที่ดี ธุรกิจอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้นจากอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียปรับตัวสูงขึ้น หลังประเทศจีนมีนโยบายเปิดประเทศและยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์ และธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากอัตราการเดินเครื่องเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ในไตรมาส 4/2565 แล้วเสร็จ ในขณะที่ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาดมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลง เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศปรับตัวลดลง ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสตอกน้ำมันอยู่ที่ 11.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
นายบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ ปี 2566 คาดว่า จะปรับตัวสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ของประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่ยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์ อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันมีแนวโน้มลดความตึงตัวลง เนื่องจากประเทศรัสเซียสามารถส่งออกน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปได้ใกล้เคียงกับระดับปกติ ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงต่อภาวะชะลอตัว ทั้งนี้ ไทยออยล์ยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับความท้าทายจากปัจจัยภายนอกที่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่มั่นคงต่อไป
ในไตรมาส 1 ปี 2566 กลุ่มไทยออยล์มีกำไร ขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรามผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน (Accounting GIM) อยู่ที่ 8.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และด้วยปริมาณ วัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มอยู่ที่ 312 พันบาร์เรลต่อวัน ทำให้กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 115,943 ล้านบาท และ EBITDA 8, 182 ล้านบาท เมื่อรวมค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ต้นทุนทางการเงิน ค่าใช้จายภาษีงินได้ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ และกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงิน ทำให้ไตรมาส 1 ปี 2566 กลุ่มไทยออยล์มีกำไร สุทธิ 4,554 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิ 2.04 บาทต่อหุ้น.-สำนักข่าวไทย