ไทยออยล์ เรียกร้อง UJV เร่งจ่ายผู้รับเหมาช่วงและทำตามสัญญาก่อสร้าง

กรุงเทพฯ 29 ต.ค. – ไทยออยล์ เรียกร้อง UJV– Samsung, Petrofac และ Saipem” ผู้รับเหมาหลัก เร่งจ่ายผู้รับเหมาช่วงและทำตามสัญญาก่อสร้าง CFP ให้เสร็จสิ้นตามแผน พร้อมแจงช่วงโควิด-19 แก้ไขสัญญา EPC ให้งบฯ เพิ่มเติมไปแล้ว 550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


กรณีที่มีสื่อระบุ Saipem หนึ่งในบริษัทในกิจการร่วมค้าระหว่าง Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd., Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (เรียกรวมกันว่า “UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem”) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักโครงการ CFP ของ บมจ.ไทยออยล์ จะถอนตัวจาก UJV เพราะขาดทุน เนื่องจาก UJV ตกลงราคาต่ำประมาณ 1 แสนล้านบาทเท่านั้น เทียบกับราคาตามเนื้องานจริงอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาทนั้น บมจ.ไทยออยล์ ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้อง อันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญในการดำเนินกิจการของไทยออยล์ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยประการที่อาจจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์

ไทยออยล์ ชี้แจงว่า ด้วยโครงการ CFP เป็นโครงการที่มีมูลค่าสูง ไทยออยล์จึงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในเรื่องความโปร่งใส กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ให้มีความชัดเจนในทุกขั้นตอน การตรวจสอบภายใน โดยมีการแต่งตั้งผู้สังเกตการณ์อิสระ มีการนำแนวทางของ Integrity Pact (ข้อตกลงคุณธรรม) มาประยุกต์ใช้ โดยผู้สังเกตการณ์อิสระจะเข้าร่วมสังเกตการณ์ทุกขั้นตอนของกระบวนการประกวดราคาและมีความเป็นอิสระ เพื่อรายงานผลการปฏิบัติงานรวมถึงข้อสังเกตการณ์ต่างๆ โดยตรงต่อคณะกรรมการบริษัทฯ


ทั้งนี้ ในกระบวนการประกวดราคาผู้รับจ้างเหมาออกแบบวิศวกรรม การจัดหา และการก่อสร้าง (EPC: Engineering, Procurement and Construction) ของโครงการ CFP นอกจากมีการพิจารณาความเหมาะสมของผู้เข้าร่วมประกวดราคาแล้ว ไทยออยล์ได้จัดให้มีการชี้แจงข้อมูลโครงการฯ รายละเอียดของขอบข่ายงานที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมประกวดราคา รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประกวดราคาแต่ละรายเข้าสำรวจพื้นที่ก่อสร้างโครงการฯ อย่างละเอียด เพื่อนำไปใช้ประเมินแผนงานและมูลค่าการดำเนินงานโครงการฯ ก่อนที่ผู้เข้าร่วมประกวดราคาแต่ละรายจะยื่นข้อเสนอโครงการฯ บริษัทที่เข้าร่วมประกวดราคาแต่ละรายเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมถึงมีประสบการณ์ในการทำงานโครงการขนาดใหญ่มาแล้ว โดยการประกวดราคาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างแบบเหมารวม (Lumpsum Contract) ซึ่งไทยออยล์เชื่อมั่นว่าผู้เข้าร่วมประกวดราคาแต่ละราย จะนำเสนอราคาที่มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินโครงการ CFP ให้สำเร็จได้

ผลการประกวดราคา ปรากฏว่า บริษัท 1. Petrofac International (UAE) LLC, 2. Samsung Engineering Co., Ltd., และ 3. Saipem S.P.A. ได้รับการคัดเลือกและได้ทำสัญญาจ้าง EPC ดังกล่าวกับไทยออยล์ ดังนั้น Saipem ซึ่งเป็นคู่สัญญารายหนึ่งในสัญญาฯ กับไทยออยล์ จึงไม่สามารถที่จะถอนตัวออกจากสัญญาฯ ได้ นอกจากนี้ ไทยออยล์ยังได้ปฏิบัติตามสัญญาฯ มาโดยตลอด และหลังจากที่เริ่มก่อสร้างโครงการ CFP ไปแล้ว ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เมื่อปี พ.ศ. 2562 ในหลายๆ ประเทศ และเริ่มส่งผลกระทบอย่างมากต่อการบริหารงานและการก่อสร้างโครงการ CFP ของ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 อย่างต่อเนื่องจนถึงปี พ.ศ. 2565 ดังนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2564 UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ได้เริ่มเจรจากับไทยออยล์เพื่อขอเพิ่มงบประมาณในสัญญา EPC และขยายระยะเวลาส่งมอบโครงการ CFP ซึ่งไทยออยล์ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนตามหลักจริยธรรมแล้ว จึงได้อนุมัติการแก้ไขสัญญา EPC โดยให้งบประมาณเพิ่มเติมอีกจำนวน 550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ไทยออยล์ขอยืนยันว่า ไทยออยล์ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายให้กับผู้รับเหมาช่วง โดยได้มีการส่งหนังสือสอบถาม UJV และบริษัทแม่ของ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem เกี่ยวกับมาตรการในการจัดการดูแลบริษัทผู้รับเหมาช่วงที่ยังไม่ได้รับชำระค่าจ้าง รวมถึงแผนชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายมาโดยตลอด ซึ่งหาก UJV – ขาดสภาพคล่องจนไม่สามารถชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายได้ บริษัทแม่ในฐานะผู้ออกหนังสือค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญา EPC ต้องให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ UJV โดย UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ยืนยันว่า จะทำการชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายตามเงื่อนไขของสัญญารับเหมาช่วง นอกจากนี้ ยังแจ้งไม่ให้ไทยออยล์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้รับเหมาช่วง เนื่องจากไทยออยล์ ไม่ได้เป็นคู่สัญญาในสัญญารับเหมาช่วง ดังนั้น หน้าที่ในการชำระค่าตอบแทนตามสัญญารับเหมาช่วงดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ที่จะต้องรับผิดชอบโดยตรง


ไทยออยล์ ยึดมั่นในหลักบรรษัทภิบาล ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส และคำนึงถึงจริยธรรมและผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยได้ชำระค่าตอบแทนให้ UJV อย่างครบถ้วนตามงวดงานของสัญญา EPC เพื่อให้การก่อสร้างโครงการ CFP สำเร็จและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย. -511 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]

ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ

สวีเดน 25 ส.ค.-ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ “มาริษ-ผบ.ทอ.” ร่วมเป็นสักขีพยาน ชูเป็นเขี้ยวเล็บป้องกันตัว พ่วง Offset Policy พัฒนาอุตสาหกรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 17.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลไทยและสวีเดน ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.พอล ยอนซอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง “เขี้ยวเล็บ” […]

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]