“บิ๊กโจ๊ก” เชื่อ “แอม” จะยอมรับสารภาพและให้ข้อมูลทั้งหมด

กรุงเทพฯ 4 พ.ค. – “บิ๊กโจ๊ก” เผยอดีตสามีเข้าพูดคุยเกลี้ยกล่อม “แอม” ให้สำนึกผิด ซึ่งทั้งคู่ต่างร้องไห้ เพราะเครียดเรื่องลูก ขณะที่ “แอม” ขอพบญาติผู้หญิงอีกคนที่ไว้ใจ แล้วจะให้การรับสารภาพ เชื่อ “แอม” จะยอมรับและให้ข้อมูลทั้งหมด


วันนี้ (4 พ.ค.66) เวลา 17.20 น. ภายหลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้าสอบปากคำ “แอม” ในเรือนจำ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนออกมาเปิดเผยว่า ตำรวจให้ “รองอ๊อฟ” อดีตสามี พูดคุยกับแอม เกลี้ยกล่อมให้สำนึกผิดที่ทำไป ทั้งรองอ๊อฟและแอม ร้องไห้ทั้งคู่ เนื่องจากความเครียดเรื่องลูก และแอมก็ห่วงลูกกับรองอ๊อฟ ที่ทำให้เดือดร้อนโดนคดีด้วย โดย แอม บอกว่า จะขอพบญาติผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ไว้ใจ ในวันพรุ่งนี้ (5 พ.ค.66) แล้วจะให้การรับสารภาพทั้งหมด ซึ่งพนักงานสอบสวนและตนเองก็พยายามให้แอมยอมรับ เพราะคดีที่แอมพัวพันมีถึง 15 คดี การว่าจ้างทนาย คดีละ 150,000 บาท ต้องใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะสู้คดีได้ แต่แอมก็ยังยืนกรานขอพบญาติผู้หญิงคนนี้ก่อน ซึ่งถ้าพรุ่งนี้ญาติผู้หญิงคนนี้สามารถเดินทางมาได้ ในวันเสาร์ตนเองก็จะเข้ามาสอบปากคำแอมอีกครั้ง เชื่อว่าแอมจะยอมรับสารภาพและให้ข้อมูลทั้งหมด เพราะวันนี้ตนได้พยายามเกลี้ยกล่อมถึงผลกระทบกับบุคคลรอบข้าง ทั้งสามีและลูกจะใช้ชีวิตอย่างไร และสามีจะไปทำงานที่ไหน เพราะถูกให้ออกจากราชการแล้ว พร้อมบอกว่าทั้ง 15 คดี มีคดีใดบ้างที่ทำก็ให้รับสารภาพออกมา แต่ถ้าคดีไหนไม่ได้ทำก็ให้ปฏิเสธ ตนเองพยายามดึงจิตใต้สำนึกส่วนดีของแอมขึ้นมา

ส่วนประเด็น “รองอ๊อฟ” ได้รับการประกันตัว ทางตำรวจก็จะควบคุมติดตามต่อไป เพราะยังมีประเด็นที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติมอีก อย่างเรื่องเส้นทางการเงิน การใช้โทรศัพท์ การติดต่อสื่อสารที่ใช้ด้วยกัน ซึ่งวันนี้ช่วงค่ำจะนัดคณะทำงานประชุม ตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดว่าต้องมีการสอบสวนในประเด็นใดบ้าง ทั้งเรื่องการโพสต์ชวนเล่นคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งสามารถทำได้ แต่ถ้าชวนเล่นเว็บพนันออนไลน์ ไม่สามารถทำได้แน่นอน รวมถึงตัว “น้อยหน่า” ภรรยาอีกคนของรองอ๊อฟ


สำหรับการตรวจค้นบ้านพักของรองอ๊อฟและแอม มีการเก็บหลักฐานเพิ่มเติมเป็นภาชนะ และของที่มีลักษณะเหมือนที่พบในรถที่ตรวจพบไซยาไนด์ก่อนหน้านี้ ส่วนประเด็นสารต้านไซยาไนด์ เชื่อว่าแอมมีการใช้ เพราะตัวแอมเองเป็นคนผสมไซยาไนด์ในแคปซูลสมุนไพร

ส่วนประเด็น “น้อยหน่า” ภรรยาอีกคนของรองอ๊อฟ จากการสอบสวนเมื่อวานยังไม่พบความเกี่ยวข้อง และจากคำให้การของน้อยหน้า น้อยหน่าเองก็เป็นเป้าหมายอีกคนหนึ่งของแอม เพราะน้อยหน่ากับรองอ๊อฟเพิ่งคบกันได้ 5 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่แอมกับรองอ๊อฟหย่ากันพอดี ช่วงหลังแอมเริ่มแสดงอาการหึงหวงออกมา ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็ให้น้อยหน่ากับรองอ๊อฟคบหากันได้ ตำรวจจึงตัดประเด็นของน้อยหน่าที่จะเข้าไปอยู่ในขบวนการของแอม

อย่างไรก็ตาม หลังรอง ผบ.ตร.ออกไป ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม ได้นำตัว “รองอ๊อฟ” ออกจากเรือนจำไปควบคุมตัวและสอบเพิ่มเติมในบางประเด็น. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง