กรุงเทพฯ 29 เม.ย. – ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง เผย “แอม” เป็นคนเฟรนด์ลี่ มักชวนผู้ต้องขังคนอื่นคุย ขณะที่ชีพจรเด็กในครรภ์ยังคงปกติ ชี้หากคลอดบุตร แม่ให้นมได้ถึง 4 เดือน จากนั้นญาติต้องรับตัวเด็กไปดูแลต่อ
ภายหลังจากเมื่อวันที่ 26 เม.ย. นางสรารัตน์ หรือ แอม อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาลักทรัพย์ ถูกพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. นำตัวฝากขังภายในทัณฑสถานหญิงกลาง เป็นระยะเวลา 12 วัน โดยขณะนี้นับว่าเป็นวันที่สามที่นางสรารัตน์ใช้ชีวิตอยู่ภายในเรือนจำฯ ระหว่างการตั้งครรภ์ 4 เดือน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยถึงอาการล่าสุดของแอม-สรารัตน์ โดย น.ส.โศรยา ฤทธิ์อร่าม ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง เปิดเผยว่า สรารัตน์ยังคงอยู่ในห้องกักโรคและยังคงมีความดันปกติ แม้ว่าคืนแรกจะมีความดันสูง แต่ทางแพทย์ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็ได้มีการจ่ายยารักษาอาการจนมีความทุเลาลง รวมถึงปัจจุบันตนก็ได้รับรายงานว่านางสรารัตน์ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องความดันแล้ว อีกทั้งมื้อเย็นวานนี้ก็สามารถรับประทานอาหารได้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นสรารัตน์ยังไม่ได้มีการร้องขออุปกรณ์อื่นใดเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ผู้คุม นอกจากนี้ ทางด้านทนายความของสรารัตน์ก็ได้เข้าเยี่ยมพูดคุยกับลูกความตัวเอง คาดว่าเป็นการพูดคุยในเรื่องของคดีความที่เกิดขึ้น
น.ส.โศรยา เผยอีกว่า จากการอยู่ในเรือนจำฯ พบว่าสรารัตน์มีการปรับตัวได้ดี มีความเฟรนด์ลี่ โดยพยายามชวนผู้ต้องขังอื่นๆ ในห้องกักโรคพูดคุย และไม่ได้มีการปลีกวิเวกหรือเก็บตัว ส่วนในเรื่องชีพจรของเด็กในครรภ์ ปกติแล้วในกรณีของผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์ เราจะมีการตรวจชีพจรของเด็กในครรภ์เสมอ และชีพจรเด็กในครรภ์ของสรารัตน์ยังปกติเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม สรารัตน์หรือญาติยังไม่ได้มีการเปิดบิลออเดอร์ซื้ออาหารหรืออุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้แต่อย่างใด ยังคงใช้อุปกรณ์และรับประทานอาหารของราชทัณฑ์ และตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องซึมเศร้าหรือการร้องไห้ฟูมฟายแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์ของสรารัตน์และชีวิตของบุตรในครรภ์หลังจากคลอดนั้น น.ส.โศรยา อธิบายว่า ในกรณีที่สรารัตน์คลอดบุตร ช่วงแรกๆแม่และลูกจะได้อยู่ด้วยกันก่อน เพราะแม่จะต้องให้นมบุตรประมาณ 4 เดือน หรือถ้าหากหลังจากให้นมบุตรเสร็จสิ้น ทางญาติและครอบครัวอาจจะเข้ามารับเด็กออกไปก่อนก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมของครอบครัวนั้นๆ แต่ถ้าหากไม่มีญาติมารับเด็กออกไป ก็อาจจะมีการส่งตัวเด็กไปยังสถานที่ที่รับดูแลเลี้ยงเด็กแทน เพราะเราจะไม่ให้เด็กๆ ต้องเติบโตอยู่ในที่แห่งนี้ และจะไม่ให้ถึงอายุ 1 ขวบ เพราะเด็กอาจจดจำสิ่งต่างๆได้
ทั้งนี้ ทางราชทัณฑ์เรามีบุคลากรและโปรแกรมสำหรับช่วยดูแลผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือนิทานให้ฟัง การเปิดเพลงบรรเลงเพลงโมสาร์ท การเรียนโยคะ กิจกรรมฝึกการเลี้ยงบุตร เพื่อเตรียมความพร้อมพัฒนาการให้กับเด็กในครรภ์ จากนั้นเมื่อเด็กคลอด ก็จะมีห้องและพี่เลี้ยงเพื่อช่วยเลี้ยงและดูแลทารกที่เพิ่งคลอด ส่วนคนเป็นแม่ก็ใช้ชีวิตปกติ และในช่วงกลางคืนถึงจะให้แม่และลูกได้นอนด้วยกัน ยืนยันว่าทางราชทัณฑ์ให้ความดูแลแก่ผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน.-สำนักข่าวไทย