กทม. 5 ก.ย.-ศาลยกฟ้อง “รพี” ในคดีที่ “แอม ไซยาไนด์” ฟ้องหมิ่นประมาท ไปออกรายการโทรทัศน์ ทำให้ถูกดำเนินคดี ด้านทนายโจทก์ เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอาญานัดฟังคำสั่งในคดีที่ นางสาวสรารัตน์ หรือแอม ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานผู้เสียหาย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีนายรพี ให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 พาดพิง นางสาวสรารัตน์ ทำให้ได้รับผลกระทบถูกดำเนินคดี
วันนี้โจทก์และจำเลย ไม่ได้เดินทางมาศาล โดยส่งทนายมาร่วมฟังคำสั่ง ด้านนางสาว อำนวยพร มณีวรรณ์ ทนายของนายรพี จำเลย เปิดเผยว่าวันนี้ ศาลมีคำสั่งยกฟ้องนายรพี จำเลย เนื่องจาก เห็นว่าการให้สัมภาษณ์ของจำเลย เป็นการได้รับมอบอำนาจจากญาติของผู้เสียหาย และเป็นการให้สัมภาษณ์ตามข้อเท็จจริง ที่ได้รับรายงานการสืบสวน จากเจ้าหน้าที่ที่รายงานว่า “แอม” โกหกในหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องซุกซ่อนทรัพย์ของผู้ตาย ดังนั้นจึงเป็นการพูดไปโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ซึ่งได้มีการแจ้งผลให้กับนายรพี แล้ว ซึ่งนายรพี ก็รู้สึกดีใจที่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ฝ่ายโจทก์ก็มีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ใน 30 วัน
ด้าน นางสาว ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือทนายพัช ทนายความ นางสรารัตน์ โจทก์ เปิดเผยว่า หลังจากนี้เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งภายใน 30 วัน เนื่องจากมีพยานหลักฐานใหม่ จึงยื่นเอกสาร หนังสือคัดค้านต่อศาลไปแล้วเมื่อวานนี้ และศาลได้รับหนังสือแล้ว ซึ่งเอกสารเกี่ยวกับใบรับมอบอำนาจ มารดาของผู้เสียชีวิต (ก้อย) ให้กับนายรพี ซึ่งพบความผิดปกติ โดยในเอกสาร มอบอำนาจ ลงวันที่ 14 เมษายน 2566 แต่เอกสารสำเนาบัตร ที่ใช้ยื่น ประกอบรับรองการมอบอำนาจ พบเป็นวันที่1 พฤษภาคม 2566 ซึ่งอาจเป็นการออกบัตรประชาชนหลังจากที่มีการทำหนังสือมอบอำนาจ ซึ่งเชื่อว่าจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคำสั่งในชั้นอุทธรณ์ต่อไป ส่วนเรื่องคดีความของ “แอม ไซยาไนด์” ที่ตำรวจอ้างว่าจะมีการสรุปสำนวนฟ้อง “แอม” รวมทั้งหมด 15 สำนวน ขณะนี้มีเพียงสำนวนเดียว ของนางสาวก้อย ที่ส่งมาถึงอัยการเท่านั้น ฝากไปถึง พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่กำกับดูแลคดีดังกล่าว ว่าความคืบหน้าในการทำสำนวนที่เหลือไปถึงไหนแล้ว หากตำรวจไม่มีการฟ้องสำนวนที่เหลือตามที่มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ ตนเตรียมฟ้องกลับกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงญาติผู้เสียชีวิตที่เหลือด้วย.-สำนักข่าวไทย