กทม. 16 เม.ย.-ปลัดมหาดไทย สั่งการด่วนเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นลมแรงในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมสั่งการผู้ว่าฯ จังหวัดภาคใต้ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ประเมินสถานการณ์ หากมีความรุนแรงต้องสั่งเรือทุกชนิดงดออกจากฝั่ง และช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยทันที
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจากนายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ถึงกรณีเกิดคลื่นลมแรงในทะเลอ่าวไทย บริเวณอำเภอปากพนัง อำเภอท่าศาลา และอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยขณะเกิดเหตุมีเรือประมงของชาวประมงในพื้นที่ออกทะเลตามปกติ และเมื่อพบสถานการณ์จึงได้เร่งนำเรือเข้าฝั่ง แต่มีเรือประมงจำนวนหลายลำล่มกลางทะเล มีข้อมูล ดังนี้ 1) อำเภอปากพนัง มีเรือออกจากฝั่ง 22 ลำ ลูกเรือ 51 คน ขึ้นฝั่งแล้ว 13 ลำ เรือล่ม 7 ลำ ขาดการติดต่อ 2 ลำ ในส่วนของลูกเรือ สามารถช่วยชีวิตปลอดภัย 42 คน อยู่ระหว่างช่วยเหลือ 2 คน ยังไม่สามารถติดต่อได้ 6 คน เสียชีวิต 1 คน 2) อำเภอท่าศาลา มีเรือออกจากฝั่ง 5 ลำ ขึ้นฝั่งแล้ว 4 ลำ ขาดการติดต่อ 1 ลำ ยังไม่ทราบจำนวนผู้สูญหาย และ 3) อำเภอสิชล เรือออกจากฝั่ง 1 ลำ ลูกเรือ 4 คน ช่วยเหลือแล้ว 3 คน อยู่ระหว่างค้นหา 1 คน
“ในขณะนี้ นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้บัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่ พร้อมตั้งศูนย์ผู้บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้า ณ แหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง โดยมอบหมาย นายสมพงษ์ มากมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้า พร้อมทั้งบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร มูลนิธิ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เร่งสำรวจและติดตามการให้ความช่วยเหลือ และสั่งการงดเรือประมง และเรือทุกชนิดออกจากฝั่ง พร้อมประสานขอรับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์จากกองบิน 7 สุราษฎร์ธานี กองทัพเรือภาคที่ 2 ฐานทัพเรือสงขลา และกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ เพื่อปฏิบัติการค้นหาทางอากาศในการระบุเป้าหมายและสนับสนุนชูชีพ ซึ่งในขณะนี้ สถานการณ์คลื่มลมในทะเลบรรเทาลง มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร” ปลัด มท. กล่าว
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนได้รับรายงานจากนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่าเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. มีเหตุเรือเฟอร์รี่ของบริษัท ราชาเฟอร์รี่ ตะแคงจมครึ่งลำ บริเวณท่าเทียบเรือ โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เป็นเรืออาร์ 10 รับผู้โดยสารมาจากอำเภอเกาะสมุยและเข้าจอดเทียบท่าส่งผู้โดยสารเรียบร้อยแล้ว ต่อมาเกิดคลื่นลมแรง ซัดตัวเรือกระแทกกับท่าเทียบเรือจนทำให้เรือตะแคงและน้ำไหลเข้าในตัวเรือ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้เรือได้จมลงจนถึงพื้นดินแล้ว ที่ระดับความลึกประมาณ 4 เมตร โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานี ออกคำสั่งห้ามใช้เรือลำดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งมีคำสั่งห้ามใช้และให้แก้ไขท่าเทียบเรือที่มีสภาพชำรุดไม่พร้อมใช้งาน พร้อมทั้งให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสุราษฎร์ธานีกำกับดูแลการกู้เรืออาร์ 10 ของบริษัทราชาเฟอร์รี่อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันคราบน้ำมันที่อาจจะไหลออกมายังผิวน้ำได้ และหากมีคลื่นลมแรงในทะเลขอให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานีเร่งเสนอคำสั่งห้ามเรือออกจากฝั่งในทันที
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้เน้นย้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ดำเนินการเร่งสำรวจและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยอย่างเต็มกำลังความสามารถ ในส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เน้นย้ำให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พัทลุง สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ได้แจ้งเตือนผู้ประกอบการ ประชาชน และนักท่องเที่ยว โดยหากพบว่าสถานการณ์มีความรุนแรง หรือเกิดลมกรรโชกแรง ต้องประสานสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องห้ามเรือทุกชนิดออกจากฝั่งโดยทันที และเร่งบูรณาการทุกภาคส่วนเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติต่อไป และให้ทุกจังหวัดได้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้สายด่วนนิรภัย 1784 ให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบและเป็นช่องทางในการติดต่อขอความช่วยเหลือในทุกช่องทางการสื่อสาร และขอให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามข้อมูลข่าวสารสภาพอากาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย