นายกฯ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ-เชิงการแพทย์

ทำเนียบฯ 8 เม.ย.- นายกฯ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเชิงการแพทย์ ต่อยอดพัฒนาการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน สร้างจุดแข็ง นำรายได้เข้าประเทศ


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สนับสนุนต่อยอดการท่องเที่ยวไทย พัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สร้างจุดแข็ง และนำรายได้เข้าประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ทั้งในด้านสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้รับการรับรอง และราคา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศ (ททท.) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพถือเป็น 1 ใน 5 เทรนด์ท่องเที่ยวในยุคหลังโควิด-19 ที่นักเดินทางกำลังมองหา และ ททท. กำลังเดินหน้าต่อยอดรวมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเข้ากับการท่องเที่ยวแบบอื่นๆ อาทิ โปรแกรมอาสาสมัคร การสัมผัสประสบการณ์ด้านอาหาร ตลอดจนกิจกรรมทางวัฒนธรรม


โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลสัดส่วนมูลค่าตลาด Medical Tourism ของโลก ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีสัดส่วนมูลค่ามากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 35 โดยไทยมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 9 ตามมาด้วยอินโดนีเซีย ร้อยละ 6 และมาเลเซีย ร้อยละ 5 ตามลำดับ และจากการศึกษาคาดการณ์ว่าตลาดการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 24,400 ล้านเหรียญสหรัฐ (838,000 ล้านบาท) ในปี พ.ศ. 2570 เพิ่มขึ้นจากในปี พ.ศ. 2562 ที่ 9,100 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ไทยยังมีสถานพยาบาลเกือบ 60 แห่งที่ได้รับการรับรองโดย Joint Commission International (JCI) ของสหรัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานรับรองสถานพยาบาล ที่คอยตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกอีกด้วย

“รัฐบาลชื่นชมการทำงานของหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวมาโดยตลอด มุ่งดำเนินนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรอบด้านเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งวีซ่าท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Treatment Visa) ระยะเวลา 1 ปี เข้าออกได้หลายครั้ง ครั้งละ 90 วัน และวีซ่า Thailand Elite สำหรับการพำนักระยะยาวตั้งแต่ 5-20 ปี ซึ่งถือเป็นนโยบายที่มุ่งสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการแพทย์ในภูมิภาค” นายอนุชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก