เชียงใหม่ 7 เม.ย.- “อรรถพล” สั่งลุยขบวนการลักลอบตัดไม้มีค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยผึ้ง-วังยาว พบเป็นขบวนการค้าไม้ข้ามชาติ ล่าสุดติดตามจนถึงโรงเลื่อยในจังหวัดเชียงใหม่ หลังติดตามนานกว่า 1 เดือน พบของกลางเป็นไม้ท่อนที่มี GPS ฝังอยู่ ย้ำดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวว่า สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) ติดตามจับกุมขบวนการลักลอบตัดไม้มีค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยผึ้ง-วังยาว อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ได้แล้ว โดยเป็นการติดตามแหล่งพักไม้ของกลุ่มนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง นานกว่า 1 เดือน จนสามารถสืบพบแหล่งพักไม้ที่โกดังแห่งหนึ่งในท้องที่ ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
ก่อนหน้านี้สั่งการให้สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่าติดตามสืบหาข่าวขบวนการค้าไม้ข้ามชาติที่ลักลอบตัดไม้มีค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ท้องที่ภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติ และสัตว์ป่า (พญาเสือ) ได้รับการประสานงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง พบขบวนการลักลอบทำไม้ประดู่ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการจากการขนส่งไม้ประดู่แผ่นแปรรูป มาเป็นการส่งออกเป็นไม้ท่อนใส่ในรถตู้คอนเทนเนอร์และนำส่งออกทางรถยนต์ผ่านด่านชายแดน โดยเฉพาะที่ด่านเชียงของ จังหวัดเชียงราย และมีการปลอมแปลงหลักฐานเป็นสินค้าอื่น เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งด่านตรวจพบรถ 18 ล้อ ขนตู้คอนเทนเนอร์ที่มีไม้ประดู่ท่อนเต็มคันรถ ซึ่งต่อมานางสาวพิมพ์ประไพ (สงวนนามสกุล) ได้นำหลักฐานมาแสดงว่า เป็นเจ้าของและเป็นไม้ที่ได้มาโดยถูกต้อง เพื่อขอปล่อยไม้ออกไป
ต่อมา หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ ร่วมกับหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยผึ้ง-วังยาวลาดตระเวนพบการลักลอบทำไม้ประดู่ในพื้นที่ 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 พบการทำไม้ประดู่ 6 ท่อน และเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 พบการทำไม้ประดู่ 8 ท่อน มีลักษณะการทำไม้เป็นท่อนเหมือนฝ่ายความมั่นคงเคยแจ้งไว้ จึงได้ประสานชุดพญาเสือนำจีพีเอสไปติดตั้งไว้ในไม้ 1 ท่อน เมื่อวันที่ 16 มีนาคม แล้วเฝ้าติดตามโดยตลอด
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2566 สัญญาณจีพีเอส ไปปรากฏที่ไร่ข้างโกดังแห่งหนึ่งที่อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าหน้าที่ได้ส่งสายสืบเข้าตรวจสอบสถานที่ แต่พบว่า มีการคุ้มกัน วางคนดูต้นทางไว้อย่างหนาแน่น สืบทราบว่า เป็นพื้นที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่งที่ถูกไล่ออกจากปัญหายาเสพติด จึงใช้วิธีเฝ้าติดตามสัญญาณจีพีเอสแทน
วันที่ 5 เมษายน 2566 เวลา 09.32 น. สัญญาณจีพีเอสไปปรากฏที่แปลงเกษตร โฉนดเลขที่ 491 อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ และสัญญาณจีพีเอสเคลื่อนย้ายอีกเมื่อเวลา 16.50 น. เจ้าหน้าที่คาดว่า จุดดังกล่าวเป็นจุดถ่ายของ จากรถอีกคันหนึ่งไปยังรถ 6 ล้อ หมายเลขทะเบียน 70-1477 แพร่ สืบทราบภายหลังว่า น.ส.ศิรินทิพย์ (สงวนนามสกุล) เป็นเจ้าของ และนายเกษม เป็นคนขับ
วันที่ 5 – 6 เมษายน 2566 ช่วงเวลา 21.00 – 03.05 น. สัญญาณจีพีเอสมีการหยุดอยู่ที่ปั๊มน้ำมันพีที ท้องที่ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ซึ่งภายในปั๊มน้ำมันดังมีรถบรรทุกต้องสงสัย 3 คัน จอดพักรถอยู่ภายในปั๊ม และเวลา 09.07 น. สัญญาณจีพีเอสไปปรากฏที่ ท้องที่ ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เป็นที่ตั้งของ บริษัท นภัสนันท์การค้าไม้ จำกัด มีนางศิริวรรณ (สงวนนามสกุล) นายนฤพัฒน์ (สงวนนามสกุล) และนางสาวพิมพ์ประไพ (สงวนนามสกุล) เป็นกรรมการผู้จัดการ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอหมายศาลเข้าค้นโกดังดังกล่าว
สำหรับไม้ที่ตรวจยึดทั้งหมด 14 กอง รวม 371 ท่อน โดยตรวจยึดเป็นการตรวจยึด 360 ท่อนตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และอีก 11 ท่อน ตรวจยึดตามพ.ร.บ. ป่าสงวน พ.ศ. 2507 พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 รวมปริมาตรไม้ท่อนทั้งหมด 191.12 ลบ.ม. ค่าภาคหลวง 15,289.6 บาท ประเมินมูลค่าความเสียหายไม้ท่อนทั้งหมด 6,689,200 บาท เมื่อประเมินตามราคาตลาดต่างประเทศซึ่งคิดแบบเป็นกิโลกรัมละ 80 บาท มูลค่าไม้ทั้งหมดในที่เกิดเหตุมากถึง 19,876,480 บาท
นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ปฏิบัติการครั้งนี้สำเร็จได้ เป็นผลจากการสืบหาข่าวกลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้มีค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ท้องที่ภาคเหนือ ที่กรมอุทยานฯ ต้องการให้ติดตามจับกุมและขยายผลไปถึงกลุ่มนายทุนที่อยู่เบื้องหลังขบวนการทำไม้มีค่า และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการปราบปรามเชิงรุก โดยจะสอบสวนและดำเนินคดีถึงที่สุด.-สำนักข่าวไทย