ธันเดอร์โดม สเตเดียม เมืองทองธานี 5 เม.ย – “เศรษฐา” ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30 ลั่นรัฐบาลเพื่อไทยเติมเงิน 10,000 บาท เข้ากระเป๋าดิจิทัลคนอายุ 16 ปีขึ้นไป
นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ปราศรัยว่า วันนี้เป็นวันสำคัญในชีวิตการเมืองของตน รู้สึกเป็นเกียรติ และขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ไว้วางใจให้เป็น 1 ใน 3 แคนดิเดต เพื่อร่วมชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนถัดไป ที่มีภารกิจสำคัญในการพลิกฟื้นประเทศไทยที่ซบเซามานาน
พร้อมเล่าย้อนถึงสาเหตุที่ผลักดันเรื่องความเท่าเทียมว่า มีเพื่อนหลายกลุ่ม ทางกลุ่มที่ได้ไปเที่ยว และกลุ่มที่เป็นลูกของนักการภารโรงไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยว ทำให้ตนสงสัยว่าเพื่อนที่กอดคอกันแต่กลับมีโอกาสไม่เท่ากัน เรื่องนี้ถือเป็นความไม่เท่าเทียมที่จำได้ในชีวิต ทำให้ตลอดเวลา 30 ปี ในภาคธุรกิจ ตนพยายามผลักดันเรื่องฐานะ ความเท่าเทียมในสังคม แต่ความหมายเท่าเทียมในจิตใจมันฝังหยั่งรากลึก รัฐมีหน้าที่ให้ความสำคัญและผลักดันปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งเรื่องกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และสิทธิเสรีภาพ ไม่ควรให้ประชาชนต้องมาต่อสู้ด้วยตัวเอง เรื่องเหล่านี้เป็นตัวจุดประกายที่ทำให้ตัดสินใจจะเข้ามาแก้ไขในบทบาทใหม่ และวันนี้ได้มาถึงแล้ว ซึ่งในช่วงที่นายเศรษฐาพูดประโยคนี้เอง แบล็กกราวด์ด้านหลังได้ขึ้นข้อความว่า “ผมพร้อมแล้ว”
นายเศรษฐายังกล่าวว่า ตนขออาสาและขอโอกาสจากคนไทยทุกคนเลือกพรรคเพื่อไทยให้ไปจัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้ตน เพื่อผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย ทำความตั้งใจนี้ให้เป็นจริง ถึงแม้ว่าตนจะไม่ได้มีชีวิตอยู่จนเห็นภาพสุดท้ายว่าคนไทยเท่าเทียมกันทุกประการ แต่ตนจะทำทุกทางเพื่อให้ลูกหลานมีสังคมและชีวิตที่ดีกว่า
“วันนี้ตนขอพูดถึงสิ่งที่จะทำในฐานะผู้นำของประเทศไทยคนถัดไป ความตั้งใจข้อแรกจะยกระดับเศรษฐกิจประเทศไทยทั้งประเทศ โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ด้วยนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ตนขอเน้นย้ำคำว่าทั่วถึง เพราะที่ผ่านมาการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างผลประโยชน์ให้กับคนไม่กี่กลุ่มในประเทศ ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำฐานะของคนในครัวเรือนและความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจภายใต้นโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยจะอาศัยเทคโนโลยี digital Wallet ด้วยการเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล 10,000บาท ในมือถือทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยสามารถใช้ได้ในรัศมี 4 กิโลเมตร จากที่อยู่ตามบัตรประชาชน และต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน ซึ่งนโยบายนี้จะทำให้เกิดการหมุนเวียนทำให้คนที่อยู่ในชุมชนขายของได้มากขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนไปจนถึงระดับประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะได้การตอบแทนกลับมาในรูปแบบของภาษี” นายเศรษฐา ระบุ
นายเศรษฐายังกล่าวถึงนโยบายที่จะขับเคลื่อนทั้งการหาตลาดให้กับผู้ผลิตสินค้าในไทย ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น หรือสุราพื้นบ้าน ให้สินค้าจากไทยเข้าถึงตลาดทั่วโลก ที่จะนำรายได้มหาศาลมาสู่ประชาชน โดยหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะมีการยกระดับการเจรจาทางการทูตเพื่อผลประโยชน์ของคนไทย ไม่ใช่แค่ด้านเศรษฐกิจแต่ยังรวมถึงสิทธิฟรีวีซ่าของพาสปอร์ตไทยในอีกหลายๆ ประเทศด้วยเช่นกัน
พร้อมย้ำถึงความสำคัญในการเจรจาการทูตว่า นอกจากความอิสระของพาสปอร์ตไทยแล้ว ในอีกมุมหนึ่งยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามาใช้จ่าย เพิ่มเงินหมุนเวียนในประเทศ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยและเอกชนในต่างประเทศก็สำคัญ เพราะเพื่อไทยจะไปเจรจากับบริษัทต่างประเทศให้เลือกลงทุนที่ประเทศไทย เพิ่มตำแหน่งงาน เพิ่มรายได้ให้คนไทย
นายเศรษฐายังกล่าวถึงเรื่อง Soft Power ที่หลากหลายของคนไทย ต้องมีการผลักดันจากภาครัฐและสร้างพื้นที่รองรับการแสดง Soft Power เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงคอนเสิร์ต งานศิลปิน เทศกาลหนัง และอื่นๆ อีกมากมาย ให้เมืองไทยกลายเป็นหมุดหมายที่ทั่วโลกอยากเข้ามาจัดการแสดงที่ประเทศไทย รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทัดเทียมระดับโลก โดยประเทศไทยจะต้องเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศ ทางราง และทางเรือ ให้สามารถรองรับผู้คนและสินค้าให้ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายสนามบิน ขยายโครงข่ายรถไฟให้เชื่อมเหนือจรดใต้ และเพิ่มความสามารถของท่าเรือเชื่อมต่อ โดยที่พรรคเพื่อไทยจะยังไม่ละเลยความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ ที่ต้องบริหารจัดการให้เติบโตไปพร้อมกับประเทศได้ อย่าง การนำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารพื้นที่ชลประทานอย่างเป็นระบบภายใต้การประสานงานของหน่วยงานรัฐที่ทำงานโดยมีประชาชนเป็นหัวใจหลัก และอากาศสะอาดที่เป็นพื้นฐานการดำรงชีวิต ประชาชนไม่ควรต้องร้องขอจากรัฐ โดยเฉพาะปัญหา PM 2.5 ที่เราเผชิญอยู่ รัฐบาลที่ดีต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นตอทันที
นายเศรษฐา กล่าวว่า ความตั้งใจทั้งหมดที่พูดมาทำได้จริง ผ่านนโยบายของพรรคเพื่อไทย ตนจะยกระดับครัวเรือนลดช่องว่างทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยมีที่ยืนบนเวทีโลกอีกครั้ง ความตั้งใจทั้งหมดต้องอาศัยประชาชนทั้งหมดช่วยกันเป็นกำลังเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนความตั้งใจนี้ให้เป็นจริง ในวันนี้ขอให้ทุกคนในที่นี้และอยู่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นคนภาคกลางคนเหนือ คนใต้ คนอีสาน จะเป็นคนรวย คนด้อยโอกาส เป็นชาวนา ชาวไร่ นักธุรกิจ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ หรือจะเป็นเด็กรุ่นใหม่ คนรุ่นเก่า คนอนุรักษ์นิยม คนเสรีนิยม คนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง คนเสื้อหลากสี พวกเราคือคนไทยเหมือนกัน
“ขอให้ทุกคนถอดหัวโขนที่สวมอยู่ ทุกคนล้วนเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นคนในครอบครัว สำคัญที่สุดเป็นประชาชนคนไทย เป็นคนที่รักและอยากเห็นประเทศไทยเจริญก้าวหน้ากลับมาเป็นผู้นำของภูมิภาคอีกครั้ง การเลือกตั้งครั้งนี้ตนไม่ได้มาสู้กับใครคนใดคนหนึ่ง ศัตรูของตนคือความยากจน ความลำบากของประชาชน ชัยชนะต่อสิ่งเรานั้นคือเป้าหมายที่แท้จริงของตนและพรรคเพื่อไทย ตนอยากทำให้ความหวังของทุกคนเป็นจริงที่อยากเห็นคนทุกกลุ่มมีชีวิตที่ดีขึ้น ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน มีที่ยืนในเวทีโลกอย่างภาคภูมิใจ ถ้าทุกคนเชื่อในความหวังนี้ว่าจะเป็นจริงได้ เชื่อในความหวัง เชื่อในความมุ่งมั่นของตนและ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย เลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะอุทิศเวลาทั้งหมดทำหน้าที่รับใช้ประชาชน ทำนโยบายให้เป็นจริง นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศ คืนศักดิ์ศรีคืนความมั่งคั่ง คืนความภาคภูมิใจให้กับคนไทย เพื่อส่งต่ออนาคตที่ดีให้กับลูกหลานของพวกเราทุกคน.-สำนักข่าวไทย