พัทยา 21 มี.ค. – ระดมชุดสืบสวนล่าแก๊งมังกรจีนเหิมเกริม ลักพาตัวภรรยาและพี่ชายนักธุรกิจจีน เรียกค่าไถ่ 4.7 ล้านบาท ล่าสุดพบรถผู้เสียหายจอดทิ้งไว้ในป่าใกล้มอเตอร์เวย์สาย 7 (พัทยา-กรุงเทพฯ)
นายหม่า หมิงชุน อายุ 33 ปี ชาวจีน พร้อมล่าม เดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจสอบสวน สภ.หนองปรือ หลังภรรยาชาวจีน และพี่ชาย ถูกลักพาตัวไปพร้อมรถนิสสันสีดำ หลังไปส่งลูกที่โรงเรียนนานาชาติ ภายในซอยชัยพรวิถี 25 ต.หนองปรือ อ บางละมุง จ.ชลบุรี
นายนายหม่า เล่าว่า มีชายชาวจีนโทรศัพท์มาหา โดยใช้โทรศัพท์มือถือของพี่ชายและภรรยาตนเอง ว่าให้หาเงิน 1 ล้านหยวน หรือ 5 ล้านบาท มาแลกกับอิสรภาพของภรรยาและพี่ชาย ซึ่งระหว่างเดินทางเข้าแจ้งความ คนร้ายได้โทรมาหานายหม่า ว่าให้ไปรอที่บ้านพร้อมเงิน เดี๋ยวจะมีคนเข้าไปเอาเงิน โดยข่มขู่ว่าห้ามแจ้งตำรวจหรือบอกใครให้ช่วยเหลือ
หลังจากเข้าแจ้งความแล้ว พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ ได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนมาดักซุ่มอยู่ภายในบ้าน โดยมีนายหม่ารออยู่ด้วย
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบนางสาวเมย์ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี พยานที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 09.15 น. ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเอะอะโวยวาย และเสียงสุนัขในบ้านเห่า จึงลุกออกมาดู พบว่าหน้าบ้านมีรถติดยาวเหยียด และเห็นรถยนต์คล้ายรถเอสยูวีสีดำ มีผู้ชายใส่เสื้อสีดำ นุ่งกางเกงขายาว สวมถุงมือสีขาว กำลังเดินอ้อมมาทางประตูด้านคนขับ ก่อนขึ้นรถขับออกไปฝั่งถนนหนองปรือ-อ่างเก็บน้ำมาบประชัน อย่างรวดเร็ว อีกทั้งหลังเกิดเรื่องพบว่ามีรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีดำจอดขวางถนนทิ้งไว้ จนมีตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เรียกประชุมทีมสืบสวน สภ.หนองปรือ สืบสวนจังหวัดชลบุรี และสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมทั้งนำรถจับสัญญาณโทรศัพท์เข้ามาในพื้นที่เพื่อหาแหล่งซ่อนตัวและจุดที่ใช้ในการเจรจาต่อรองในการเรียกค่าไถ่ พร้อมทั้งเร่งหาวิธีช่วยเหลือตัวประกัน โดยกลุ่มคนร้ายมีการเปลี่ยนสถานที่ที่ใช้เจรจาตลอดเวลา ลักษณะยังคงขับรถวนไปมาในพื้นที่ จ.ระยอง และชลบุรี
พล.ต.ต.กัมพล เปิดเผยว่า ได้แบ่งหน้าที่ตำรวจออกไปทำงานในการหาข้อมูลของกลุ่มคนร้าย เบื้องต้นเชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ ผู้เสียหาย และ ตัวประกัน รู้จักกันทั้งหมด เคยทำธุรกิจร่วมกัน ส่วนสาเหตุจูงใจในก่อเหตุน่าจะมาจากปัญหาหนี้สินและปัญหาธุรกิจ อีกทั้งตัวสามีของตัวประกัน ระหว่างสอบปากคำยังไม่ยอมพูดความจริงในหลายๆ เรื่อง ขอเวลาตำรวจทำงานก่อน เชื่อว่าจะสรุปคดีนี้ได้โดยเร็ว
ส่วนบรรยากาศบ้านพักของนายหม่า มีตำรวจคอยดูแลตลอดเวลา พร้อมกับล่ามแปลภาษา ซึ่งกลุ่มคนร้ายชาวจีนยังโทรมากดดันเร่งรัดเงินเรียกค่าไถ่ พร้อมทั้งขู่นายหม่าว่าจะไม่ได้เห็นหน้าภรรยาอีกหากไม่ทำตามข้อเรียกร้อง แต่นายหม่าอ้างมีเงินไม่พอ กำลังหาเงินอยู่ แต่มีการโอนเงินไปให้กลุ่มคนร้ายบางส่วนแล้ว เป็นเงินสกุลดิจิทัลจำนวน 500 ยูเอสดีที คิดเป็นเงินไทย 17,140 บาท แต่กลุ่มคนร้ายยังต้องการเงินเพิ่มอีก โดยต้องการจำนวน 150,000 ยูเอสดีที เพื่อแลกกับการปล่อยตัวประกัน ส่วนเหยื่อที่ถูกอุ้มไปเรียกค่าไถ่ มีการพูดคุยแบบวิดีโอคอล พบว่ายังปลอดภัยและได้รับดูแลเป็นอย่างดี ส่วนสาเหตุที่ถูกก่อเหตุน่าจะมาจากเรื่องการขัดผลประโยชน์ธุรกิจสถานพยาบาลในพื้นที่ประเทศเมียนมา ตรงข้ามกับท่าขี้เหล็ก จ.เชียงราย
ต่อมาตำรวจสายตรวจ สภ.หนองปรือ พบรถยนต์เอสยูวีนิสสันสีดำ ซึ่งเป็นรถของตัวประกัน ถูกจอดทิ้งไว้ในป่า ใกล้กับถนนสายมอเตอร์เวย์สาย 7 (พัทยา-กรุงเทพฯ) หมู่บ้านโป่งบ้านล่าง หมู่ 3 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ห่างจากถนนหลักประมาณ 500 เมตร โดยมีคนเห็นว่ารถคันดังกล่าวถูกนำมาจอดตั้งแต่ช่วงเวลา 09.30 น. แต่ไม่มีใครเอะใจ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง เพื่อหาเบาะแสของกลุ่มคนร้าย
หลังจากนั้นตำรวจให้เชิญตัวนายหม่ามาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.หนองปรือ นายหม่ายอมรับผ่านล่ามชาวจีนว่าด้วยความเป็นห่วงภรรยาและพี่ชายจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงโอนเงินผ่านกระเป๋าตังค์คริปโทฯ เป็นสกุลเงินดิจิทัล โดยโอนเงินไปแล้วกว่า 200,000 หยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 970,000 บาท จนตำรวจต้องสั่งให้หยุดโอนเงิน เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มคนร้ายจะได้ใจ คิดว่าผู้เสียหายมีเงิน และจะขู่ให้โอนเงินตลอดเวลา พร้อมทั้งมีการสอบปากคำผ่านล่ามชาวจีนหาจุดเชื่อมโยงสาเหตุจูงใจในการก่อเหตุ
ขณะที่ล่ามชาวจีนบอกว่า นายหม่า หมิงชุน เดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 เปิดธุรกิจร้านอาหารย่านพัทยาเหนือ ไซน่าทาวน์ และเพิ่งจะปิดตัวได้ไม่นาน ส่วนบ้านพักปัจจุบันเช่าอยู่เดือนละ 55,000 บาท โดยพักอยู่กับภรรยา ลูกชาย และพี่ชาย ซึ่งในระหว่างเกิดเรื่องภรรยาถูกลักพาตัว นายหม่ามีอาการกังวลตลอดเวลา ถามคำตอบคำ โดยจะไม่ยอมพูดถึงเรื่องอื่น โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจ หรือ ทำธุรกิจร่วมกับใคร ที่สำคัญไม่ยอมพูดอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
ทั้งนี้ ตำรวจยังคงลงพื้นที่หาเบาะแสของคนร้ายอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไร้วี่แวว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคนร้ายยังอยู่ในพื้นที่ อ.บางละมุง .-สำนักข่าวไทย