โมซัมบิก, มาลาวี 14 มี.ค. – พายุไซโคลน “เฟรดดี” พัดถล่มโมซัมบิกและมาลาวี มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 60 ราย เป็นการพัดถล่มพื้นที่ตอนใต้ของแอฟริกา ครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน
โมซัมบิกและมาลาวี ได้รับความเสียหายหนักจากพายุไซโคลน “เฟรดดี” ซึ่งพัดถล่มทั้งสองประเทศอย่างหนัก ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมฉับพลัน คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 60 ราย บาดเจ็บอีกจำนวนมาก และสร้างความเสียหายตลอดเส้นทางที่เคลื่อนตัวผ่าน โดยพายุลูกนี้พัดถล่มพื้นที่ทางตอนใต้ของแอฟริกาเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน หลังจากพัดถล่มเกาะมาดากัสการ์ ในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อเดือนที่แล้ว จนสร้างความเสียหายหนัก
ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไซโคลน “เฟรดดี” พัดถล่มโมซัมบิก หลังคาอาคารบ้านเรือนปลิวว่อน เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างรอบเมืองท่าเกลิมาน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย ก่อนเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งมาลาวี ในวันอาทิตย์ ทำให้ฝนตกหนักและดินถล่ม มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 54 ราย และยังมีผู้บาดเจ็บอีกราว 200 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ดินโคลน ขณะที่กระแสไฟฟ้าและสัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดขาดในหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
สำหรับไซโคลน “เฟรดดี” ถือเป็นหนึ่งในพายุกำลังแรงที่สุดที่เคยบันทึกสถิติในซีกโลกใต้ และอาจเป็นไซโคลนที่พัดถล่มนานที่สุด ตามข้อมูลขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ขณะที่มาลาวีกำลังเผชิญกับการระบาดของอหิวาตกโรครุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้หน่วยงานของสหประชาชาติ เตือนว่า สถานการณ์การระบาดอาจเลวร้ายลง เนื่องจากฝนตกหนักจากพายุเฟรดดี. – สำนักข่าวไทย