เขาค้อ 20 ก.พ. – ผบ.ทบ.พาสื่อลงพื้นที่เขาค้อ ร่วมวันรำลึกวีรกรรมผู้เสียสละเขาค้อ ย้ำ ถ้าไม่มีบรรพชนเหล่านี้ก็ไม่มีประเทศในปัจจุบัน แนะประชาชนรับฟังข้อมูลจากทุกพรรคการเมืองด้วยวิจารณญาณ ย้ำทหารถอดเครื่องแบบก็คือประชาชน เลือกตั้งสั่งไม่ได้ พร้อมเปิดพื้นที่หน่วยให้หาเสียง ด้าน แม่ทัพ 3 ย้ำ ถ้าไม่มีทหารต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ วันนี้จะมีประชาธิปไตยให้ทะเลาะกันหรือไม่
พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานในพิธีงานวันรำลึกวีรกรรมผู้เสียสละเขาค้อ ประจำปี 2566 ณ อนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของวีรชนผู้กล้าหาญและเสียสละ ตลอดจนญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตได้มาพบปะกัน และมีการวางพวงมาลาของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
จากนั้น ผบ.ทบ.กล่าวสดุดีวีรชนผู้กล้าหาญ วางพวงมาลาสักการะ และร่วมพิธีสงฆ์ทำบุญอุทิศไปให้ผู้เสียสละเขาค้อ
ทั้งนี้ เขาค้อถือเป็นชัยภูมิที่เหมาะสม และเป็นฐานที่มั่นในการดำเนินสงครามกองโจร เพื่อจะเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทย จากระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไปสู่การปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ โดยเป็นพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด ประกอบด้วยพิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย นอกจากนี้ บริเวณเขาค้อยังเป็นจุดที่มีการต่อสู้และเสียชีวิตของกำลังพลที่สุดมากที่สุดของทุกสมรภูมิ
ผบ.ทบ. กล่าวภายหลังร่วมงานรำลึกวีรกรรมผู้เสียสละเขาค้อ เพชรบูรณ์ ว่า เรื่องนี้กองทัพบกให้ความสำคัญ และไม่ใช่แค่กองทัพบก แต่รวมถึงประชาชนคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะเด็กรุ่นหลัง ขอเน้นย้ำว่าควรจะต้องสำนึกในบุญคุณของบุคคลเหล่านี้ ไม่ว่าทหาร ตำรวจ หรือพลเรือน ที่ได้รับบทเรียนจากเหตุการณ์ในอดีตร่วมกัน ซึ่งเป็นเรื่องของความขัดแย้ง และสุดท้ายสามารถจบลงด้วยดี ประชาชนก็มาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ส่งต่อมาถึงคนรุ่นหลัง ซึ่งความอยู่ดีกินดีในปัจจุบันก็มาจากบุคคลในอดีตช่วยกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง โดยเฉพาะในพื้นที่นี้ที่มีเหตุการณ์ ซึ่งการถ่ายทอดบทเรียนในอดีตเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังได้รับทราบถึงความเสียสละ ทั้งนี้ในโลกประชาธิปไตยปัจจุบัน เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความคิดเห็นแตกต่าง แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานเหตุผลและข้อเท็จจริง ความเห็นต่างจะต้องไม่นำไปสู่ความขัดแย้งและใช้ความรุนแรง
“แต่สิ่งที่อยากจะฝากไว้ ก็คือบรรพชนที่เสียสละ ที่สูญเสียอวัยวะสำคัญ แต่มีจิตใจรักชาติไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ทำ และอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ และประชาชนส่วนรวม ณ เวลานี้ทุกคนควรจะคิดและทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ” ผบ.ทบ. กล่าว
ส่วนที่หลายพรรคการเมืองหาเสียงเลือกตั้งโดยต่างประกาศเป็นประชาธิปไตย อยากฝากอะไรในเรื่องความสามัคคี ผบ.ทบ. กล่าวว่า เรื่องการเมือง ประเทศไทยก็เป็นประชาธิปไตย แต่ความเห็นต่าง ต้องเคารพสิทธิกันและกัน เคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ควรนำความคิดเห็นที่ดีมาร่วมกันใช้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ ไม่ว่าใครจะได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนก็ควรรับฟังความคิดเห็นในหลายด้าน เพื่อนำไปสู่ประโยชน์ส่วนรวม นี่คือประชาธิปไตยที่ดีที่สุด ส่วนจะมีข้อแนะนำอะไรกับประชาชนหรือไม่ ขอตอบว่า ไม่มี พร้อมย้ำว่า ประชาชนควรใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูล ส่วนตัดสินใจอย่างไรขึ้นอยู่กับความเห็นแต่ละบุคคล เพราะถือเป็นสิทธิ แต่อยากให้พิจารณาด้วยความรอบคอบ วิเคราะห์ด้วยข้อมูลอย่างทั่วถึง
เมื่อถามว่า ทหารในปัจจุบันสั่งไม่ได้ใช่หรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า ทหารเมื่อถอดเครื่องแบบก็คือประชาชน ถือบัตรประชาชนเหมือนกันหมด และเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้สิทธิเลือกตั้งเรื่อง ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลว่าชื่นชอบใคร แต่ย้ำว่า ทางหน่วยทหารจะให้คำแนะนำในการพิจารณาอย่างรอบและถี่ถ้วน พร้อมถามกลับว่า ประชาชนทุกคนใครจะสั่งได้ เข้าไปในคูหาเลือกตั้งก็ไม่มีใครสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ว่าเลือกใคร ทุกคนมีสิทธิเลือก
ส่วนการเปิดหน่วยทหารให้พรรคการเมืองเข้ามาหาเสียงนั้น ก็ต้องไปดูความพร้อม และปัจจัยที่จะดำเนินการได้หรือไม่ เพราะหน่วยทหารมีหลายรูปแบบต้องดูถึงความเหมาะสม โดยหาก กกต. ร้องขอมาก็ต้องพิจารณาว่าจะให้หรือไม่ให้
ด้านพลโท สุริย เอี่ยมสุโร แม่ทัพภาคที่3 ย้ำว่า ถ้าไม่มีบุคคลเหล่านี้รักษาประชาธิปไตย เสียสละต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ จนถึงวันนี้จะมีประชาธิปไตยให้ทะเลาะกันหรือไม่
จากนั้น ผบ.ทบ.เดินทางมาที่สมรภูมิร่มเกล้า อ.ชาติตระการ จ.พิษณูโลก เพื่อรำลึกเหตุการณ์เสียชีวิตของ ร้อยเอก สุรพล ชำนาญจุ้ย ผู้กล้าในสมรภูมิร่มเกล้า แล้วต่อด้วยการลาดตระเวนทางอากาศชายแดนไทย-ลาว ดูพื้นที่ทับซ้อนที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์.-สำนักข่าวไทย