รัฐสภา 16 ก.พ.- “วิษณุ” เผย มี ชาย 2 คน แอบอ้างเป็นหน้าห้อง เอาผ้าไหมไปตัดชุด ขอให้ออกบิลเกินราคาจริง หวังกินส่วนต่างตอนมาเบิก ไม่เคยรับชุดผ้าไทยจากใคร ภรรยาหาซื้อผ้าให้ ยันตัดเองทุกชุด
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เรื่องที่นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย อภิปราย กล่าวหาว่า เรียกรับของกำนัลเสื้อผ้าไทยพระราชทานไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง และเป็นการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ว่า ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลปปท. ซึ่งเมื่อมีงานวันสถาปนาก็ต้องไปเป็นประธาน รวมถึงมอบโล่รางวัลให้แก่ข้าราชการดีเด่น แต่ด้วยสถานการณ์โควิดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้ดกิจกรรมและไม่เคยโทรเข้าไปในสำนักงานนั้น
“เมื่อวันที่25 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสถาปนา ผมไม่ได้ไปร่วมงาน มีเพียงบันทึกเทปอวยพรระยะเวลา 6 นาที ไม่ได้มีเหตุหรือพฤติกรรมที่แลกกับผลประโยชน์ จึงขอชี้แจงเพื่อไม่ให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย โดยเมื่อเดือนกันยายน 2565 ผมมีราชการที่ประเทศออสเตรเลีย และเกิดอาการป่วยกะทันหันจนต้องเข้าโรงพยาบาล โดยแพทย์ระบุว่าเป็นโรคไตต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉิน และส่งตัวกลับมายังประเทศไทยเพื่อผ่าตัดหน้าท้องและเดินสายฟอกไต จนถึงปัจจุบันก็ยังฟอกไตติดต่อกันมา 5 เดือนเศษแล้ว จึงไม่สามารถมาชี้แจงได้ในวันอภิปรายทั่เมื่อวาน(15 ก.พ.)” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เคยรับของขวัญอะไรจากใครที่มีมูลค่าราคาเกิน 3000 บาท แต่เหตุที่ต้องใส่ชุดผ้าไทย เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ แพทย์จึงแนะนำให้ใส่เสื้อผ้าไม่รัดรูปและไม่มีเข็มขัด เพื่อไม่ให้กดทับแผลที่หน้าท้อง ภรรยาจึงได้หาซื้อผ้าไหมมาเป็นจำนวนมากจากงานโอทอป แล้วส่งไปตัดที่ร้านตัดเย็บ ร้านหนึ่งอักษร ขึ้นต้นด้วย “ท” ในราคาไม่เกิน 3000 บาท อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปัญหา จึงได้พูดคุยกับทางร้าน ทำให้ทราบว่าก่อนหน้านี้มีชายสองคนแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ในสำนักงานของรองนายกรัฐมนตรี นำผ้าไหมมาส่งตัด และให้ออกใบเสร็จรับเงิน ค่าตัดเย็บในราคาตัวละ 5,000 บาท ทั้งที่แท้จริงแล้ว ราคาเพียงตัวละ 3,000 บาท โดยให้เหตุผลกับทางร้านว่าจะได้กินส่วนต่าง ตอนนำไปเบิกกับเจ้านาย
“ส่วนผู้ที่อภิปรายจะนำประเด็นนี้ไปร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้ตรวจสอบ ก็สุดแล้วแต่จะดำเนินการ ส่วนผมก็จะดำเนินการตามช่องทางที่เห็นสมควรต่อไป” นายวิษณุ กล่าว.-สำนักข่าวไทย