ไอเอ็มเอฟ 31 ม.ค.- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากการที่จีนเปิดประเทศ
ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า ในปีนี้เศรษฐกิจโลกน่าจะเติบโตได้ที่ร้อยละ 2.9 แม้ว่าจะเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้ากว่าเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็ดีกว่าที่เคยคาดเอาไว้เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว นายปิแยร์ โอลิวิเย่ร กูรินชาส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF บอกว่าแม้เศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวมากกว่าที่เคยคาดเอาไว้ แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายอย่าง แต่เชื่อว่าวิกฤติเศรษฐกิจได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และอัตราเงินเฟ้อก็เริ่มปรับตัวลดลง โดยเฉพาะเยอรมนีและอิตาลี ที่ IMF มองว่ารอดพ้นภาวะเศรษฐกิจถอยไปได้แล้วในปีนี้ ขณะที่ยุโรปเองก็ฟื้นตัวได้ดีกว่าที่คาด แม้จะมีวิกฤติสงครามยูเครนก็ตาม
สำหรับจีดีพีโลกนั้น นายกูรินชาส์ บอกว่า ปีนี้จะไม่หดตัว แต่ยังคงมีปัจจัยท้าทายหลายอย่างในการจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน คาดว่าปีนี้ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำจะขยายตัวช้าลง ซึ่งจะฉุดให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกปรับลดลงไปด้วย เป็นผลจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ และสงครามยูเครน แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่มีการฟื้นตัวมากกว่าที่คาด
ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า ปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.4 ขณะที่ยุโรปจะขยายตัวเพียงร้อยละ 0.7 เท่านั้น แต่ทั้งสองตัวเลขก็ถือว่าดีขึ้นจากคาดการณ์ครั้งก่อนเมื่อเดือนตุลาคม แต่อังกฤษจะติดลบร้อยละ 0.6
ขณะที่เงินเฟ้อทั่วโลกก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน รวมทั้งการที่จีนเปิดประเทศ ทำให้เศรษฐกิจของจีนกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ไอเอ็มเอฟระบุว่า ที่ผ่านมาเศรษฐกิจของจีน ซึ่งใหญ่อันดับ 2 ของโลก มีสัดส่วนถึงร้อยละ 40 ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลก คาดว่าปีนี้จีนจะเติบโตร้อยละ 5.2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 จากคาดการณ์ในครั้งก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเปิดประเทศ หลังจากที่จีนยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ไปเมื่อเดือนที่แล้ว.-สำนักข่าวไทย