วัดดอกไม้ 25 ม.ค.-‘ไทยสร้างไทย’ บุกยานนาวา เปิดหมู่บ้านประชาธิปไตย พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมลงชื่อแก้รธน. หยุดอำนาจส.ว.โหวตนายกฯ ชูตั้งสภาชุมชนยุติส.ส.รับกล้วย
น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายการุณ โหสกุล อดีตส.ส. กทม. เขตดอนเมือง นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส. นครพนม เขต วัดดอกไม้ 4,นายศักดิ์ณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา รองเลขาธิการพรรค น.ส.ณิชชา บุญลือ รองโฆษกพรรค นายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตดินแดง และนายนรุฒม์ชัย บุนนาค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตยานนาวา เปิดหมู่บ้านประชาธิปไตยที่ชุมชนวัดดอกไม้ เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร และเปิดให้ประชาชนลงชื่อร่วมแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับต้านรัฐประหาร
น.ต.ศิธา กล่าวว่า ในระบอบประชาธิปไตย กระดุมเม็ดแรกคือรัฐธรรมนูญ ไทยใช้งบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาทในการทำรัฐธรรมนูญ แต่อำนาจกลับไม่ได้อยู่ที่ประชาชน กลับให้อำนาจ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งเลือกนายกรัฐมนตรีแทนประชาชน ส.ส.เข้ามารับกล้วย ประเทศเต็มไปด้วยคอร์รัปชัน ทุนสีเทากลายเป็นคนรวยได้รับส่วย ทุนจีนมีรถนำขบวน ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ได้ ดังนั้น ถ้าวันนี้เราคืนอำนาจให้ประชาชน ให้รัฐธรรมนูญเริ่มต้นจากประชาชน แต่ละชุมชนจะมีธรรมนูญของตัวเองด้วยสภาชุมชน ให้มีอำนาจตรวจสอบผู้แทน และส่งเสียงความต้องการไปกำหนดการใช้งบประมาณ วันนี้ขอแรงประชาชนร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ครบ 50,000 รายชื่อเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน
“เมื่อรัฐธรรมนูญบิดเบี้ยว ทุกอย่างก็บิดเบี้ยวตาม การทุจริตคอร์รัปชันเบ่งบานมาก เกิดพฤติกรรมเลียนแบบมาตั้งแต่ระดับบนลงล่าง ประเทศไทยเป็นธุรกิจการเมืองเต็มรูปแบบ มีกฎหมายมาริดรอนสิทธิของประชาชน ใบอนุญาตที่มีความหมายว่าไม่อนุญาต จะทำอะไรต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ ประชาชนไม่มีสิทธิที่จะเลือก อยากได้สะพาน เอาสนามเด็กเล่นมาให้ ถ้าไม่เอาก็ไม่ได้อะไรเลย เราต้องมีรัฐธรรมนูญเป็นกรอบและมีสภาชุมชนเป็นการตรวจสอบ ประชาชนอยากได้อะไรแบบไหนเขากำหนดเอง ไม่ใช่มี ส.ส. ไปเป็นลิงกินกล้วย เราต้องทำให้สภาชุมชนเข้มแข็งและ ส.ส. ก็ต้องฟังสภาชุมชน” น.ต.ศิธา กล่าว
นายการุณ กล่าวว่า พื้นฐานเกิดมาเป็นลูกคนขายส้มตำ เข้าใจหัวอกของคนจนดี และกว่าจะเติบโตมาได้เห็นความทุกข์ยากของพี่น้อง แต่โชคดีที่เติบโตมาในเขตดอนเมืองที่อบอุ่น ทุกคนรู้จักกัน ทักทายกัน เหมือนลูกหลานของครอบครัว ตั้งใจว่าวันหนึ่งจะเป็นตัวแทนสร้างคุณภาพชีวิตปากท้องให้ประชาชน วันหนึ่งได้เป็นตัวแทน แต่ก็ถูกยึดอำนาจด้วยปลายกระบอกปืน สร้างรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้มาจากประชาชน สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเราต้องรวมกันในชุมชนเพื่อขับเคลื่อนความต้องการของพวกเรา
“เรารณรงค์เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่กินได้ ถ้าเราได้ครบห้าหมื่นรายชื่อก็จะได้นำเข้าวาระการพิจารณาของรัฐสภา ไม่ได้มาจากกระบอกปืนเมหือนที่ผ่านมา ตัวเองเคยผ่านการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถูกจับในข้อหาก่อการร้าย ถูกคลุมหัวไปปรับทัศนคติ แต่จะไม่ยอมให้การต่อสู้สูญเปล่า จะขอต่อสู้เพื่อปากท้องของประชาชนต่อ เราจะใช้ปลายปากกา แทนกระบอกปืน ปฏิวัติประเทศไทย” นายการุณ กล่าว
นายชวลิต กล่าวว่า ถ้าบ้านเมืองไม่ได้เป็นประชาธิปไตย เราก็ต้องทำตามคำสั่งของคนที่เราไม่ได้เลือก ประเทศไทยเหมือนถูกสาปตั้งแต่ 2475 ประเทศไทยปฏิวัติไปแล้ว 13 ครั้ง กบฎ 11 ครั้ง แล้วเราชาวรากหญ้าจะอยู่กันอย่างไร ปฏิวัติครั้งหลังสุดอยู่มา 8 ปี เงินในกระเป๋าก็ค่อย ๆ หดหาย ที่เพิ่มขึ้นคือหนี้สิน เมื่อก่อนเราไปช่วยเกาหลีรบ แต่ตอนนี้เราต้องซื้อเครื่องบินฝึกรบจากเกาหลี เพราะไทยรัฐประหารมายาวนาน ถ่วงรั้งความเจริญ วันนี้เราจะร่วมกันสร้างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย มาร่วมลงชื่อสร้างประวัติศาสตร์บ้านเมืองอีกหน้าหนึ่งด้วยกัน และเราหวังที่จะเห็นการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยที่ฟังเสียงของประชาชน เราต้องดูตัวบุคคลที่เป็นหวัหน้าพรรคที่มีความรู้ความสามารถ สุจริต พร้อมแก้ไขปัญหาชาติ “ผมมั่นใจว่าผมเลือกไม่ผิดที่มาอยู่กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์”
นายศักดิ์ณรงค์ กล่าวว่า สังคมไทยขับเคลื่อนได้ด้วยสองนครา แต่ผู้ใต้การปกครองคือประชาชนอยากเราคือผู้กำหนดอนาคตของชาติ ความเป็นประชาธิปไตยอยู่ที่พวกเราจะร่วมสร้าง มาสร้างสังคมประชาธิปไตยที่กินได้ ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แสวงหาผลประโยชน์
ส่วนนายนรุฒน์ชัย กล่าวว่า เราต้องร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยที่มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของทุกคน รัฐธรรมนูญที่จะทำให้เราลืมตาอ้าปากได้ มีรายได้ พลังเล็กๆ ของพวกเราถ้าร่วมมือกันให้ครบ 50,000 รายชื่อก็จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยภาคประชาชนและพรรคไทยสร้างไทยต้องการรายชื่อทั้งหมด 50,000 รายชื่อเพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของรัฐสภา นอกจากนี้ พรรคยังเสนอร่างกฎหมายบำนาญประชาชน ร่างกฎหมายพักใช้กฎหมายและใบอนุญาตที่เป็นอุปสรรคในการทำมาหากิน 1,300 ฉบับ, และร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการรวบรวมตัวจัดตั้ง SMEs ตามหลักการของพรรคที่ต้องการดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่.-สำนักข่าวไทย