แม่ร้องลูกชาย ม.3 ถูกวัยรุ่นรุมทำร้าย-ใช้ปืนตบหน้า

นนทบุรี 24 ม.ค. – แม่ร้องเรียนสื่อมวลชน ลูกชายชั้น ม.3 ถูกกลุ่มวัยรุ่นนักเรียนโรงเรียนดัง ทำร้ายร่างกายจนเจ็บสาหัส และชักปืนตบหน้า วอนตำรวจเร่งติดตามคนก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว


หญิงคนหนึ่ง อายุ 35 ปี พาลูกชายออกมาร้องเรียนกับสื่อมวลชน เนื่องจากเกรงว่า คดีจะไม่มีความคืบหน้า โดยลูกชายของเธอ ซึ่งมีอายุ 15 ปี เป็นนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี เล่าว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้นัดแฟนสาว ซึ่งเรียนอยู่อีกโรงเรียน ออกมาเดินเที่ยวบริเวณริมเขื่อนท่าน้ำ หัวถนนปากเกร็ด โดยไปกับเพื่อนนักเรียนชายอีก 2-3 คน

ระหว่างเดินเที่ยวอยู่นั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่น 6 คน แต่งชุดไปรเวททั้งหมด แต่ 4 คนในกลุ่มนั้น เป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกับแฟนสาว ส่วนอีก 2 คน เป็นรุ่นพี่โรงเรียนของตนเองที่จบออกไปแล้ว ได้เดินตรงเข้ามาหาพร้อมถามว่า มาทำอะไรที่นี่เหรอ ตนตอบว่า มาเดินเที่ยว แล้วหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวก็ตะโกนใส่ว่า “มึงโจ๋หรือ” แล้วทั้งหมดก็ลากตนไปที่ศาลาริมน้ำหัวถนนปากเกร็ด โดยคนหนึ่งได้ชักปืนแบบแม็กกาซีนสีเงิน ปลดแม็ก โชว์ลูกกระสุนปืนให้ดูว่าเป็นของจริง ก่อนบรรจุแม็กใส่เข้าไปใหม่ แล้วใช้ด้ามปืนตบเข้าที่เบ้าตาขวาอย่างแรง โดยมีเพื่อนๆ ที่เหลือช่วยกันรุมทำร้าย


จากนั้น ทั้ง 6 คนได้พาตนซ้อนจักรยานยนต์ ไปที่หมู่บ้านเอื้ออาทร 2 (วัดกู้) แต่เป็นอาคารไหน ตึกใด ตนจำไม่ได้ เพราะตอนนั้นอยู่ในสภาพแทบจะสลบไสลไม่ได้สติ มีอาการปวดหัวมึนงง ทราบแต่เพียงเป็นลานจอดรถจักรยานยนต์ที่ตึกแห่งหนึ่ง ตนถูกคุมตัวไว้ที่นี่ นานกว่า 1 ชั่วโมง จนพ่อของตนทราบเรื่องแล้วตามมารับ พาส่งโรงพยาบาล ส่วนกลุ่มวัยรุ่น พากันหลบหนีไป ยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักกับกลุ่มที่มาทำร้าย แต่เพื่อนคนหนึ่งของตนที่ไปด้วยกันในวันนั้นรู้จัก ตนก็ยังยกมือไหว้พวกเขาอยู่เลย ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงมาทำร้ายจนเจ็บหนักขนาดนี้

ด้าน แม่ของนักเรียนชั้น ม.3 อยากให้ตำรวจเร่งติดตา คนที่ทำร้ายร่างกายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะเรื่องผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว แต่ยังใม่มีความคืบหน้าอะไร ส่วนอาการของลูก หลังจากพ่อของเขาพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ต้องนอนรักษาตัวนานกว่า 1 อาทิตย์ โดยแพทย์ที่รักษา บอกว่า ถูกทำร้ายบาดเจ็บ จนม้ามฉีก ส่วนเบ้าตาขวาบวมเปล่ง เพราะถูกด้ามปืนตบ ยืนยันจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด

ด้าน พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เปิดเผยว่า ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกผู้เสียหาย มาสอบปากคำเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 23 ม.ค.66 หลังอาการบาดเจ็บของนักเรียนชั้น ม.3 ดีขึ้น ส่วนคดีตอนนี้ได้สั่งตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่เกิดเหตุ ดูกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบเส้นทางการหลบหนี จากการสอบปากคำเบื้องต้น ทราบว่า ผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ทางตำรวจจะประสานทางโรงเรียนเพื่อให้ประสานผู้ปกครองให้รับทราบ ก่อนจะเชิญตัวมาสอบปากคำ ตามกระบวนการกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง