ทำเนียบรัฐบาล 5 ม.ค.-นายกฯ ห่วงใยประชาชนพื้นที่ภาคใต้ ย้ำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง-ผู้ว่าฯ เตรียมพร้อมเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก 6-11 ม.ค.นี้
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์สภาพอากาศ พบว่า ในช่วงวันที่ 6-8 มกราคมนี้ บริเวณภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และพบพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก น้ำท่วมขัง บริเวณพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
“นายกฯ เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่จังหวัดดังกล่าว เตรียมความพร้อมทุกด้านและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและน้ำล้นตลิ่ง บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำตาปี แม่น้ำปากพนัง แม่น้ำตรัง คลองชะอวด แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำบางนรา และแม่น้ำโก-ลก” นายอนุชา กล่าว
นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังกำชับให้เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มปริมาตรน้ำสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการเก็บกักน้ำสูงสุด (Upper Rule Curve) รวมทั้งอ่างฯ ขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีปริมาตรน้ำมากกว่าร้อยละ 80 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้นกระทบพื้นที่ด้านท้ายน้ำ โดยเฉพาะเขื่อนบางลาง ให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบบริเวณท้ายเขื่อน ตลอดจนเฝ้าระวังคลื่นซัดฝั่งที่อาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชน และผู้ประกอบกิจการบริเวณแนวชายฝั่งทะเล ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช จนถึงจังหวัดนราธิวาส และพร้อมช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที ลดและป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
“สำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายกฯ เน้นย้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ การปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกัน รวมทั้งติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง และสิ่งสำคัญคือการแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน เพื่อเตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์ขึ้น” นายอนุชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย