ปัตตานี 9 พ.ค.-เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เกิดเหตุระทึกที่ปัตตานี เมื่อคนร้ายลอบวางคาร์บอมบ์น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 50 กิโลกรัม หน้าห้างบิ๊กซีปัตตานี ทำให้มีผู้เจ็บไม่ต่ำกว่า 50 คน และทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก
ประมาณ 14.00 น.ของวันนี้ เกิดเหตุระทึกที่ปัตตานี คนร้ายนำประทัดยักษ์ไปวางไว้ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีปัตตานี ซึ่งเป็นตัวเมืองชั้นใน ก่อนจุดชนวนด้วยการตั้งเวลา สร้างความแตกตื่นให้ชาวบ้านที่เข้าไปจับจ่ายซื้อของเป็นอย่างมาก ระหว่างนั้นคนร้ายนำรถยนต์ประกอบระเบิดน้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัมไปจอดไว้ด้านหน้าบิ๊กซี
ระเบิดลูกที่ 2 ถูกจุดชนวนขึ้น ห่างจากประทัดยักษ์ลูกแรกประมาณ 10 นาที คาร์บอมบ์ถูกจุดชนวนด้วยการตั้งเวลา แรงระเบิด ทำให้ด้านหน้าห้างบิ๊กซีเกิดไฟไหม้เสียหายเป็นบริเวณกว้าง นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่จอดไว้บริเวณลานจอดรถเสียหายด้วยเช่นกัน
จากการตรวจสอบซากรถยนต์ที่ใช้ประกอบระเบิด สภาพพังเสียหาย จนแทบจะไม่สามารถจดจำสภาพเดิมได้ พบเป็นรถอีซูซุ ทะเบียน บจ 3303 ยะลา ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเชิญผู้ครอบครองมาสอบสวนว่า มีการแจ้งหายไว้หรือไม่
หลังเกิดเหตุ ชาวบ้านใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพภายในห้างบิ๊กซีพบว่า มีรอยเลือดหยดเป็นแนวทั่วบริเวณ และสินค้าได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ภายในต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดจากเหตุระทึกที่เกิดขึ้น
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า คนร้ายแบ่งการทำงานเป็นทีม คนแรกขี่รถจักรยานยนต์นำประทัดยักษ์เข้าไปวาง ก่อนหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่อีกคนขับรถยนต์ประกอบระเบิดแสวงเครื่องเข้าไปจอดลานจอดรถ ห่างจากตัวห้างบิ๊กซี 10 เมตร ก่อนวิ่งออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว โดยมีคนร้ายอีกคนขี่รถจักรยานยนต์ไปรับตัวหลบหนีไป ก่อนเกิดระเบิดขึ้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายนายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ระบุคนร้ายต้องการทำลายระบบเศรษฐกิจของปัตตานี และเอาชีวิตชาวบ้าน เนื่องจากห้างมีคนไปจับจ่ายซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก สังเกตจากการจุดประทัดยักษ์ ทำให้เกิดความแตกตื่น และตั้งเวลาคาร์บอมบ์ให้ห่างจากระเบิดลูกแรกประมาณ 10 นาที แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่หลบอยู่ภายในห้าง จึงไม่มีผู้เสียชีวิต จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้บาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 50 คน และบาดเจ็บสาหัส 1 คน
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมบริเวณเกิดเหตุ และตัวเมืองปัตตานี รวมทั้งเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด หาเบาะแสไล่ล่าคนร้าย ซึ่งคาดว่าเป็นแนวร่วมกลุ่มใหม่ เคลื่อนก่อเหตุในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย