กรุงเทพฯ 29 ธ.ค.-กกพ. แจ้ง โรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง 150 เมกะวัตต์ เลื่อนออกอีกรอบไม่เกิน 60 วัน คาดลงนามภายใน 27 กุมภาพันธ์ 2566 หลัง ป.ป.ช.ไม่รับพิจารณาคำร้องเรื่องแข่งขันไม่เป็นธรรม
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า จากการประชุม บอร์ด กกพ. ครั้งที่ 61/2565 (ครั้งที่ 828) เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบประกาศเปลี่ยนแปลงกรอบระยะเวลาลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) ครั้งที่ 6 เพื่อขยายระยะเวลาลงนามสัญญาจากประกาศเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ออกไปอีก 60 วันไปสิ้นสุดวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ตามที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เสนอ
ทั้งนี้ การขอเลื่อนดังกล่าวเป็นไปเพื่อให้ กฟภ. พิจารณาจัดเตรียมเอกสารและประสานกับผู้ผลิตไฟฟ้าขอยืนยันการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายหลังจากที่ กฟภ. ได้รับผลการพิจารณาจาก สำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) แล้ว
“นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชุมเศรษฐกิจฐานราก เพื่อพัฒนาโครงการให้เป็นไปตามแนวนโยบายรัฐบาล เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนตามวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไป” นายคมกฤช กล่าว
ทั้งนี้ กกพ.ได้ประกาศ ตั้งแต่ 23 กันยานยน 2564 ว่ามี เอกชน 43 ราย เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ (โครงการนำร่อง) คิดเป็นปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายรวม 149.50 เมกะวัตต์ (ค่าไฟฟ้าเสนอขายเฉลี่ย 3.1831 บาทต่อหน่วย) แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าชุมชนประเภทชีวมวลจำนวน 16 ราย ปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายรวม 75.00 เมกะวัตต์ (ค่าไฟฟ้าเสนอขายเฉลี่ย 2.7972 บาทต่อหน่วย) และโรงไฟฟ้าชุมชนประเภทก๊าซชีวภาพรวม 27 ราย ปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายรวม 74.50 เมกะวัตต์ (ค่าไฟฟ้าเสนอขายเฉลี่ย 3.5717 บาทต่อหน่วย) แต่มีผู้ไปร้องเรียน ป.ป.ช. ว่า PEA ในฐานะทำหน้าที่ประธานกรรมการคัดเลือกทางเทคนิค ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบ หรือโดยทุจริต กรณีคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ นำร่องโดยมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการบางราย อย่างไร ป.ป.ช.ได้แจ้งล่าสุดไม่รับพิจารณาเรื่องนี้ การดำเนินการจึงเดินหน้าและจะมีการลงนามภายในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566. -สำนักข่าวไทย