กรุงเทพฯ 8 พ.ค.-ดาบตำรวจเข้ามอบตัวหลังใช้อาวุธปืนข่มขู่เจ้าหน้าที่บริษัทไฟแนนซ์ แจงไม่รู้มาทวงหนี้ ขณะที่ภรรยาร้องเอาผิดคนโพสต์คลิปประจานลูกหนี้
ดาบตำรวจ สน.บางเขน พร้อมภรรยา เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หลังใช้อาวุธปืนข่มขู่เจ้าหน้าที่บริษัทไฟแนนซ์ เมื่อสองวันที่ผ่านมา โดยภรรยากล่าวว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนจอดรถซื้อของใช้บางอย่างจากร้านค้าใกล้บ้าน โดยใช้เวลาไม่นานนัก ขณะกำลังเปิดประตูเตรียมขับกลับเข้าบ้าน มีรถเก๋ง 2 คัน ขับมาปิดหัวและปิดท้าย จากนั้นมีผู้ชายเดินลงมาจากรถมาหาตนและไม่ให้ตนปิดประตูรถยนต์ขับออกไป พร้อมบอกตนว่ามาคุยเรื่องรถ จึงรู้ว่ารู้ว่าเป็นไฟแนนซ์ ตนจึงบอกให้ไปพูดคุยกันที่บ้าน ซึ่งไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ แต่ทางไฟแนนซ์ไม่ยอม มากันทั้งหมด 6 คน ชาย 4 คน ผู้หญิง 2 จึงตัดสินใจโทรหาสามี บอกว่ารถโดนปล้น ให้รีบเดินมาหน่อยอยู่บริเวณร้านค้าใกล้บ้าน โดยในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่บริษัทไฟแนนซ์ได้ถ่ายคลิปวีดิโอตั้งแต่ต้น แต่ทำไมจึงเลือกเฉพาะตอนสามีเข้ามาในเหตุการณ์เท่านั้น
ด้านดาบตำรวจ เล่าว่าภรรยาได้โทรมาพูดว่ารถถูกปล้นและพูดเร็วๆ และได้ยินเสียงมีผู้ชายยื้อแย่งเอาโทรศัพท์ไป ด้วยความงัวเงียจึงคิดว่าภรรยาแกล้งในวันเกิด กระทั้งภรรยาเดินมาเรียกซ้ำว่าช่วยด้วยรถถูกปล้น ด้วยความที่ตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ รถคันนี้เคยใช้ทำงานมาหลายครั้งและไม่ทราบมาก่อนว่า ภรรยานำรถไปเข้าไฟแนนซ์และเป็นหนี้ จึงคิดว่าเป็นกลุ่มไม่หวังดี จึงออกไปพร้อมปืนกระบอกดังกล่าว แต่ไม่ได้มีการนำไปข่มขู่แต่อยากใด แต่คลิปและรูปที่ลงในโซเชียลพยามหยุดในช่วงที่ตนต้องใช้อีกมือปิดประตูรถปืนเลยอยู่ในลัษณะคล้ายชี้ไปทางกลุ่มของไฟแนนซ์
ด้านผู้กำกับการ สน. คันนายาว กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาผู้ใดทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ และจะส่งปืนไปตรวจสอบว่าถูกต้องตามใบอนุญาตพกพาหรือไม่ ส่วนภรรยาต้องการให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้โพสต์และผู้เผยแพร่คลิป ซึ่งผิด พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 เรื่องการนำข้อมูลของลูกหนี้ไปเผยแพร่โพสต์ข้อความประจานลูกหนี้ เข้าข่ายความผิด ตามมาตรา 11 ห้ามผู้ทวงถามหนี้กระทําการทวงถามหนี้ วรรค (1)การข่มขู่ การใช้ความรุนแรง หรือการกระทําอื่นใดที่ทําให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของลูกหนี้หรือผู้อื่น มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และวรรค(3)การแจ้งหรือเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นหนี้ของลูกหนี้ให้แก่ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทวงถามหนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่ดาบตำรวจให้การภาคเสธและหลังสอบปากคำเสร็จสิ้นตำรวจได้ปล่อยตัวไป.-สำนักข่าวไทย