กรุงเทพฯ 22 ธ.ค.- ปตท.-โออาร์ แจงลงทุนในเมียนมาร์คำนึงสิทธิมนุษยชน โดย OR เบรกสร้างคลังน้ำมันในเมียนมาและบริษัทร่วมทุนจะไม่จ่ายเงินผู้ที่ติด Sanctions list
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. ชี้แจงข่าวประเด็นสิทธิมนุษยชนในเมียนมาร์ ต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าตามที่มีข่าวระบุว่า มีกองทุนได้ประกาศถอนการลงทุนใน ปตท. และบริษัทในกลุ่ม เนื่องจากประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมาร์นั้น ปตท.ขอชี้แจงว่า ในการดำเนินธุรกิจของ ปตท. ท้งในส่วนที่ ปตท. ดำเนินการเองและลงทุนผ่าน บริษัทในกลุ่ม ปตท. ได้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนซึ่งประกอบด้วยมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติ การกำกับดูแล โดยมีการบูรณาการหลักสิทธิมนุษยชนครอบคลุมสายโซ่อุปทานของบริษัท ตั้งแต่การตรวจสอบ อย่างรอบด้าน การบริหารจัดการ ตลอดจนส่งเสริม ปกป้องและให้ความเคารพด้านสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้อง กับแนวปฏิบัติสากลอย่างเคร่งครัด นอกจากนั้นมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม อย่างสมดุล
โดยการพิจารณาการลงทุนของ ปตท. ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่มีการบังคับใช้ รวมถึงมีการตรวจสอบและวิเคราะห์สถานะของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ปตท. ยึดถือการเคารพสิทธิมนุษยชนเป็นหนึ่งในแนวปฏิบัติขั้นพื้นฐาน และมีความกังวลเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมาร์ภายหลังการรัฐประหารปี2564 โดยสนับสนุนการแก้ไข ปัญหาวิกฤตอย่างสันติและเข้มงวดในการปฏิบัติตามกฎหมาย แนวปฏิบติสากลในทุกพื้นที่ปฏิบัติการ รวมถึงการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับปรุงกระบวนในการตัดสินใจและการบริหารจัดการ เพื่อให้แน่ใจว่าการ ลงทุนดังกล่าวเป็นการส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาการอย่างยั่งยืน ช่วยเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงแหล่งพลังงานได้ อย่างเท่าเทียม และ ปตท. หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าสถานการณ์ในเมียนมาร์จะคลี่คลายและกลับคืนสู่สภาวะปกติในเร็ววัน
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ชี้แจงว่า กรณีรายงานข่าวระบุว่ากองทุนประกาศถอนการลงทุนในบริษัทเนื่องจากการลงทุนในเมียนมาของบริษัทฯ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยยืนยังว่า OR เข้าร่วมลงทุนในบริษัทร่วมทุน Brighter Energy (BE) ในปี 62 โดยถือหุ้น 35% เพื่อประกอบธุรกิจค้าส่งและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม โดยอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างคลังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เพื่อดำเนินกิจการในเมียนมา โดยการลงทุนดังกล่าวมุ่งสร้าง และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนชาวเมียนมา
ระหว่างปี 64 ได้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงและความไม่สงบในเมียนมา รวมทั้งมีมาตรการคว่ำบาตร (Sanctions) จากหลายประเทศ OR ได้แสดงเจตนารมณ์ในฐานะผู้ถือหุ้นข้างน้อยให้ BE หยุดการดำเนินการก่อสร้างคลัง โดย OR จะไม่ชำระเงินทุนเพิ่มเติม และ BE จะต้องไม่ชำระเงินให้แก่บุคคลใดๆ ที่อยู่ใน Sanctions list โดยเด็ดขาด
OR ได้ยึดถือและดำเนินการตามแนวทางและนโยบายอย่างเคร่งครัดที่จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชน จากการดำเนินกิจการของ BE ในเมียนมา OR ได้ยึดมั่นในการปฏิบัติตามแนวนโยบายการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนซึ่งประกอบด้วยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาลโดยปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด รวมถึงปฏิบัติตามหลักการเคารพสิทธิมนุษยชนตามหลักสากล .-สำนักข่าวไทย