รัฐบาล เร่งแก้ข้อพิพาททางสัญจรชุมชนหลีเป๊ะ

สตูล 15 ธ.ค. – “อนุชา” รุดเยี่ยมชาวชุมชนหลีเป๊ะ หลังได้รับรายงานชาวบ้านเดือดร้อน โดนปิดกั้นทางสัญจร ยืนยันรัฐบาลเร่งช่วยเหลือเต็มที่


นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามการแก้ปัญหาปิดกั้นทางสัญจรสาธารณประโยชน์ชุมชนชาวหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล อย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ตามข้อสั่งการของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

โดยตัวแทนชุมชนหลีเป๊ะ กล่าวว่าต้องการให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องการเปิดเส้นทางสัญจร เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวชุมชน ได้สัญจรไปมาได้อย่างสะดวก ในส่วนของการปิดเส้นทางเข้าโรงเรียนขอให้รีบดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถเดินทางเข้าออกได้ตามปกติ ไม่ต้องปีนป่ายข้ามรั้วเข้าโรงเรียน พร้อมกันนี้ ชาวชุมชนหลีเป๊ะได้พา นายอนุชา พร้อมคณะ เดินสำรวจพื้นที่ที่เกิดข้อพิพาท โดยมีชาวชุมชนถือป้ายขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ เดินตามพร้อมส่งเสียงขอความช่วยเหลือ และให้กำลังใจ พร้อมกล่าวขอบคุณรัฐบาลที่ไม่ทอดทิ้งชาวชุมชนหลีเป๊ะ เมื่อรับทราบปัญหารีบลงพื้นที่มาแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน


นายอนุชา ยืนยันกับชาวหลีเป๊ะว่า จะนำเรื่องดังกล่าวไปแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง พร้อมหาทางเจรจากับผู้ถือสิทธิที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้ได้รับผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยอาศัยประโยชน์จากการพัฒนาที่ดินให้ชาวบ้านมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ พร้อมย้ำว่า ส่วนตัวแล้วไม่ต้องการให้ปัญหาบานปลายขยายเป็นความขัดแย้งมากขึ้น เพราะจะทำให้กระทบทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะชาวชุมชนหลีเป๊ะ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกดั้งเดิม ขอให้ชาวชุมชนหลีเป๊ะเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะต่อสู้เพื่อชาวชุมชนหลีเป๊ะโดยความถูกต้องตามกฎหมาย เรียกร้องความเป็นธรรมคืนกลับสู่ชาวหลีเป๊ะต่อไป ขออย่ากังวลเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ผ่านมาการดำเนินงานของภาครัฐจำกัดด้วยกฎระเบียบ ทำให้การทำงานล่าช้า แต่ขอให้เชื่อมันถึงความตั้งใจมนการแก้ไขปัญหาของตนเองและรัฐบาล

นายอนุชา ยังกล่าวถึง การฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล ว่าต้องดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยืนยันจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น เพื่ออนาคตของลูกหลาน สิ่งที่รัฐบาลทำได้คือเร่งรัดตามกระบวนการของกฎหมายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เช่น การคุ้มครองสิทธิของชาวชุมชนหลีเป๊ะ จะเร่งดำเนินการให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด บรรเทาความเดือดร้อนของชาวชุมชนหลีเป๊ะ พร้อมกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือการพูดคุยเจรจา ขออย่าใช้อารมณ์เกิดการปะทะ และความสูญเสียตามมา

“พลเอก ประยุทธ์ และพลเอก ประวิตร มีความกังวลใจต่อปัญหาดังกล่าว สั่งการให้รีบดำเนินการแก้ไขปัญหา อย่าให้ชาวบ้านต่อสู้เพียงลำพัง กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่แก้ไขปัญหาเป็นการด่วน โดยเฉพาะการให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย หน่วยงานรัฐต้องให้แนะนำอย่างถูกต้อง พร้อมติดตามการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด” นายอนุชา กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง