ทำเนียบรัฐบาล 8 ธ.ค.-“ทิพานัน” บอก “แพทองธาร” ต้องชัดเจนเข้ามาทำงานการเมืองหรือต้องการหาพ่อกลับบ้าน เหน็บนโยบายต้องไม่ “คิดใหญ่ โกงเป็น” ตั้งคำถามเศรษฐกิจไม่ดี แต่ทำไมผลประกอบการธุรกิจตระกูลชินวัตรกลับดี
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยสัมภาษณ์ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยระบุว่าควรจะชัดเจนเรื่องการแก้ปัญหาของประชาชนมากกว่าและควรชัดเจนในเรื่องที่ควรจะชัดเจน ว่า น.ส.แพทองธาร ต่างหากที่ต้องชัดเจนว่า การเข้ามาการเมืองเพื่อพาพ่อกลับบ้านหรือเพื่อประชาชน
“สิ่งที่สังคมสังสัยคือมาเพื่อประโยชน์ของครอบครัวตนเอง ซึ่งต่างจากพล.อ.ประยุทธ์ที่ชัดเจนมาโดยตลอดว่าทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและคนไทยทุกคน ไม่เคยเอาประชาชนมาเป็นหมากในเกมการเมือง ดังที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมองการทำงานเพื่อบ้านเมืองเป็นแค่เกมแย่งชิงอำนาจการเมืองเท่านั้น” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ต้องขอชี้แจงให้ประชาชนรับทราบว่า ความสำเร็จของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ด้านการพัฒนาและยกดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นต่อเนื่องอย่างยั่งยืน ไม่ฉาบฉวย จนเป็นที่ประจักษ์จาก UN โดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ได้จัดประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนามนุษย์ระดับ “สูงมาก” (Very High) และต่อเนื่องมา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ซึ่งต่างจากปี 2554-2557 อยู่ในระดับสูง (High) และระหว่างปี 2544-2549 อยู่ในระดับปานกลาง เท่านั้น
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ได้นำพาชาติฝ่าวิกฤติโควิด 19 มาตั้งแต่ช่วง 2562 ที่ทั่วโลกประสบปัญหากันอย่างหนัก รัฐบาลตระหนักถึงการประคองเศรษฐกิจไปพร้อมกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้สูญเสียน้อยที่สุด ซึ่งก็ผ่านพ้นมาด้วยดีจนได้รับรางวัล United Nations Public Service Awards (UNPSA) ประจำปี ค.ศ. 2021 ณ เมืองดูไบ โดยเป็นรางวัลชนะเลิศจากผลงานหัวข้อ “Intelligent and Sustainable Public Health Emergency System in Thailand” โดยรางวัล UNPSA เป็นรางวัลเชิดชูเกียรติระดับนานาชาติที่สหประชาชาติมอบให้องค์กรระดับประเทศหรือท้องถิ่นที่มีผลการดำเนินงานภาครัฐที่เป็นเลิศ
“หลังได้รับการเลือกตั้งเพียงไม่กี่เดือน วิกฤติโควิด 19 ได้กระทบทุกประเทศทั่วโลกในช่วงปี 2562-2564 จึงเป็นความท้าทายอย่างหนักที่จะทำให้ภาคธุรกิจเสียหายน้อยที่สุด รัฐบาลจึงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและใช้ยาแรงเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวให้เร็วที่สุด จึงมีโครงการกระตุ้นการใช้จ่ายในระดับครัวเรือน เช่น เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง บัตรสวัสดิการฯ ซื้อของร้านธงฟ้า มาตรการสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ เช่นโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย มาตรการเลื่อนเวลาการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล มาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ นำส่งและชำระภาษี มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มาตรการผ่อนปรนหลักเกณฑ์การ จำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้สำหรับหนี้ที่เจ้าหนี้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านแรงงาน เรารักกัน ซึ่งมาตรการเหล่านี้พยุงเศรษฐกิจให้รอดพ้นวิกฤติมาได้” น.ส.ทิพานัน กล่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนในปี 2565 นี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยรัฐบาลมุ่งผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ เช่น สนามบิน รถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ ถนนมอเตอร์เวย์ไปยังทุกภาค ขนส่งรถไฟฟ้า รวมถึงเศรษฐกิจ EEC ที่เป็นเศรษฐกิจใหม่ที่ขณะนี้เติบโตต่อเนื่อง ในส่วนภาคการส่งออกอุตสาหกรรมยานยนต์ก็มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่นบ้านจัดสรร คอนโด ก็เติมโตมีกำไรทุกไตรมาส ที่สำคัญภาคการท่องเที่ยวก็มีอนาคตสดใสเช่น ในปี 2565 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวทะลุ 10 คนเข้ามาในไทย
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังดีขึ้นนี้ รัฐบาลไม่รอช้าต่อพี่น้องแรงงานทุกคน จึงมีมติเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2565 ขึ้นค่าแรง 354 – 328 บาท ที่มาจากการหารืออย่างรอบคอบทั้ง 3 ฝ่ายคือ นายจ้าง ลูกจ้างและรัฐ ซึ่งรัฐบาลเชื่อว่าหากเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีขึ้นเร็วขึ้น ประเทศชาติสงบ ไม่มีอะไรมาทำให้สะดุด จะนำข้อมูลหารือให้รอบด้านทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อขึ้นค่าแรงให้กับพี่น้องแรงงานได้อีกในไม่ช้านี้แน่นอน และขณะที่พรรคเพื่อไทยดูแคลนความสามารถการบริหารงานของรัฐบาล สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) เปิดเผยแนวโน้มการปรับอัตราค่าตอบแทนรวม ประจำปี 2565/2566 อย่างเป็นทางการ จากการจัดเก็บข้อมูลเชิงลึกในกลุ่มเป้าหมาย 112 องค์กรจากภาคธุรกิจต่าง ๆ เช่น ภาคอุตสาหกรรม พาณิชยกรรมและบริการ ยานยนต์ เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และเทคโนโลยี พบแนวโน้มปรับตัวอัตราค่าตอบแทนที่ขยับขึ้นสูง โดยในปี 2566 คาดการณ์องค์ธุรกิจต่าง ๆ จะปรับเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.27 % ขณะที่คาดการณ์โบนัสคงที่ 1.44 เดือน คาดการณ์โบนัสผันแปร 2.31 เดือน ซึ่งคือตัวการันตีการทำงานของรัฐบาลอย่างประจักษ์และชัดเจนมากกว่าสร้างวาทกรรมกล่าวหามั่ว ๆ ของพรรคเพื่อไทย
“สิ่งที่อยากจะให้หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยตระหนักในคำพูดว่าเศรษฐกิจไม่ดี ให้ตอบสังคมว่าแล้วทำไมธุรกิจของตระกูลชินวัตรที่อยู่ในไทยกลับมีผลประกอบการดี เช่น โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิทก็ยังมีกำไรใช่หรือไม่ การพูดว่าเศรษฐกิจไม่ดีต้องเพื่อไทยมาแก้ ก็ให้พี่น้องประชาชนพิจารณาถึงข้อมูลด้วยการค้นหาคำว่า “รายได้ครอบครัวชินวัตร” จะพบว่าสิ่งที่หัวหน้าครอบครัวพูดเป็นจริงหรือไม่ การที่พรรคเพื่อไทยโจมตีว่าเศรษฐกิจกำลังแย่ มันสวนทางกับข้อมูลที่เผยแพร่ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง และการที่ น.ส.แพทองธารประกาศนโยบายขายฝันแค่ไหน คิดใหญ่เกินจริงแค่ไหน อย่าให้มีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนอดีตพ่อกับอา ที่ทุจริตคอรัปชั่นคนไทยไปอย่างมหาศาล ไม่เคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เป็นนักโทษหลบหนีคดีร่อนเร่ไปมา ดังนั้นนโยบายที่ประกาศใหม่ก็อย่าให้สังคมตราหน้าว่า “คิดใหญ่ โกงเป็น” เหมือนในอดีต” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย