นายกฯ ยันไม่มีเหตุอาฟเตอร์ช็อก

กทม. 31 มี.ค.-นายกฯ ยืนยันไม่มีเหตุอาฟเตอร์ช็อก-แผ่นดินไหว ที่จะทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบเพิ่ม หลังหลายอาคารสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ ขอประชาชนอย่าตกใจ สั่งแต่ละอาคารเน้นเช็กความแข็งแรงก่อนเข้าใช้พื้นที่ คาดผลการตรวจสอบอาคาร สตง. 2-3 วันนี้ มีความคืบหน้า ลั่นหากพบทำผิดไม่มีละเว้น

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความสับสนของประชาชน ภายหลังเกิดอาฟเตอร์ช็อกจากแผ่นดินไหวตามมา ซึ่งทำให้พื้นที่หลายจุดมีการอพยพประชาชนออกจากอาคาร โดยระบุว่า กรมอุตินิยมวิทยาได้ยืนยันมาว่าแล้วว่าอาฟเตอร์ช็อกที่เกิดขึ้นในเมียนมาขณะนี้ไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย พร้อมเน้นย้ำว่าตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ผู้ที่ดูแลตึกทุกตึกจะต้องเป็นผู้ตรวจสอบว่าอาคารนั้นลิฟต์เสีย มีการกระเทาะของกระเบื้อง และกระทบต่อการใช้อาคารหรือไม่ หากมีข้อสงสัยอะไรให้สอบถามไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. ฉะนั้นย้ำว่าไม่มีอาฟเตอร์ช็อค แผ่นดินไหว หรือภัยธรรมชาติเพิ่มเติม ซึ่งผู้รับผิดชอบอาคารต้องมายืนยันว่าสามารถใช้อาคารได้หรือไม่ ขณะเดียวกันแต่ละตึกก็ต้องช่วยกันรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย


เมื่อถามว่า แต่ดูเหมือนการสื่อสารยังเกิดความสับสน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราพยายามจะสื่อสารทุกช่องทาง แต่มันเป็นการเกิดขึ้น ณ ที่ตรงนั้น เราก็ทราบตอนที่ประชาชนวิ่งออกมาแล้ว จึงขอให้สบายใจว่าไม่มีเหตุการณ์ธรรมชาติเกิดขึ้นแต่อย่างใด

ส่วนการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวไปยังนักท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการแจ้งนักท่องเที่ยว ผ่านกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ และเมื่อสักครู่ทึ่ตนเองได้กล่าวบนเวทีว่า กรณีเกิดตึกถล่ม เกิดจากการผิดพลาดทางเทคนิคกับตึกๆ เดียว ส่วนมาตรฐานตึกของกรุงเทพฯ ทั้งหมด สร้างไว้เพื่อรองรับแผ่นดินไหว เพราะฉะนั้นตึกอื่นถึงแม้จะไม่ได้เกิดปัญหา แต่อาจจะเกิดปัญหาในตึกเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่มีตึกถล่มที่ไหนเพิ่มเติมอีก มีแค่ที่เดียว แต่เป็นภาพลักษณ์ของประเทศไทยจึงต้องสร้างความมั่นใจตรงนี้ ตนเองและรัฐมนตรี พร้อมที่จะตรวจสอบทุกอย่างตั้งแต่เริ่มโปรเจกต์ ออกแบบ อนุมัติ รวมถึงวัสดุก่อสร้าง โรงงานของวัสดุก่อสร้างตรวจหมด โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จะเข้าไปดูวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้าง ทั้งหมด และได้มีการเก็บตัวอย่างออกมาแล้ว และดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และคิดว่าน่าจะได้คำตอบบ้างภายใน 2-3 วันนี้


ส่วนเรื่องวัสดุในการก่อสร้างโดยเฉพาะเหล็กก่อสร้าง ได้สอบถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว พบความสับสนว่ามีบริษัทใดบ้างที่ระงับการใช้เหล็กประเภทดังกล่าวชั่วคราว จึงขอให้มีข้อมูลที่ชัดเจนมากกว่านี้ก่อน เรื่องนี้ให้ความสำคัญอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าจะมีการแบนบริษัทผลิตเหล็กให้กับการก่อสร้างตึก สตง.หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ระบุว่า จะดำเนินการตามกฎหมายเต็มที่ ไม่มีเว้นแน่นอน ส่วนความกังวลในขณะนี้ อยากให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงว่า ไม่มีภัยธรรมชาติ แต่ละตึกมีความพร้อมในการใช้งานหรือไม่ วันนี้ตนเองมาอยู่ที่อาคารชั้น 7 หรือ 30 กว่าชั้น เพื่อนของตนเองก็เข้าใช้แล้วตามปกติ

ส่วนการแจ้งเตือนของภาครัฐในเหตุการณ์นี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้แจ้งเตือนผ่านเฟซบุ๊กแล้ว เพราะได้รับข้อความว่าประชาชนได้รับความตื่นตระหนกเมื่อ 30 นาทีที่แล้ว ทุกช่องทางพยายามสื่อสารว่าไม่มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้น ขออย่าเพิ่งตกใจกัน ใช้เช็กเรื่องตึกให้ดีก่อน


จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “กรณีที่มีการแชร์ข่าวอพยพออกจากตึกขณะนี้ ดิฉันได้ตรวจสอบกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้สรุปว่า

1.ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานไม่มีแผ่นดินไหวในประเทศไทย และ after shock จากเมียนมา ไม่กระทบต่อประเทศไทยใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ
2.รอยร้าวที่เกิดขึ้น จนเป็นเหตุให้เจ้าของตึกสั่งอพยพ เริ่มมีรายงานว่าเป็นรอยร้าวเดิม จึงขอยืนยันคำสั่งเดิมจากท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้เจ้าของตึกเร่งตรวจตึก เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเป็นรอยเก่า รอยเดิม หรือรอยใหม่ เพื่อให้เกิดการตัดสินใจที่ถูกต้อง
3.ขอให้เจ้าของอาคารเร่งตรวจสอบตึกให้เกิดความแน่ใจก่อนการเปิดให้ใช้บริการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ทำงานหรือผู้พักอาศัย โดยหากไม่แน่ใจ ให้สอบถามไปยังกรมโยธาธิการและ ปภ. เพื่อเข้าร่วมตรวจสอบตึก
4.การอพยพของแต่ละตึกเป็นวิจารณญาณของแต่ละหน่วยงาน แต่ขอให้เป็นคำสั่งที่ชัดเจนและได้ตรวจสอบข้อมูลจากทางราชการแล้ว

“ขอยืนยันว่า ขอให้รอข่าวจากทางการจะเป็นข่าวที่ได้รับการรับรองว่าถูกต้อง และไม่เกิดการสร้างความกังวลหรือตื่นตระหนกระหว่างพี่น้องประชาชนค่ะ”.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัท เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้าน

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท พบก่อเหตุคล้ายกันในบริษัทฯ อีก 2 แห่ง รวมรัฐเสียหายกว่า 430 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำเจ้าหน้าเข้าจับกุม นางสมบุญ อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1051/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน ที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเมนต์ พื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พฤติการณ์ ของ น.ส.สมบุญ ผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่า เป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท แห่งหนึ่งประกอบกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริษัทฯดังกล่าวมีพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดย บริษัทมักจะไม่มีการออกใบกำกับภาษีขายและใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของบริษัทฯ มักจะจ่ายเป็นเงินสดให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ […]

สาวใจเด็ด โดดจยย.รับจ้าง วิ่งตามรถตัวเองหลังตามหา 1 ปี

กทม. 18 พ.ค. – สาวใจเด็ด โดดลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วิ่งไล่รถตัวเอง หลังตามหาและผ่อนกุญแจเปล่ามานานกว่า 1 ปี พบเพื่อนสนิทนำรถไปค้ำประกันกับเจ้าหนี้ จากกรณีคลิปที่มีการแชร์ในโซเซียล ขณะผู้หญิงใส่เสื้อลายกำลังวิ่งไล่ตามรถเก๋งสีขาว พร้อมตะโกนให้คนช่วย จนพลเมืองดี ช่วยกันเข้ามารายล้อมรถและคนขับรถเก๋งต้องเลี้ยวเข้าซอย เพื่อลงมาเคลียร์ ก่อนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ล่าสุดทีมข่าวเปิดใจ สาวที่ปรากฏในคลิป เล่าถึงสาเหตุที่ต้องเข้าไปขวางรถยนต์คันนี้ เพราะว่าเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ตนเองได้ซื้อรถเก๋งคันนี้ ทะเบียนขอนแก่น และนำรถไปฝากจอดไว้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นห้องของแฟนเพื่อนสนิท แต่หลังจากที่นำรถไปฝาก ก็ไม่เคยได้พบรถตัวเองอีกเลย โดยเพื่อนสนิท อ้างว่าแฟนเอาไปขับ ทุกครั้งที่ทวงถามหารถ จะมีการบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา จนในที่สุด ตนเองก็เข้าแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ห้วยขวาง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหารถ เวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี ก็ยังตามหาไม่ได้ ตนเองจึงต้องผ่อนกุญแจเปล่า มาเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม […]

ข่าวแนะนำ

ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้”

กาญจนบุรี 19 พ.ค. – ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว 4 ราย อุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้” ตั้งข้อหาหนักหลายกระทง ล่าสุด ครอบครัวรับศพแล้ว เผยผลชันสูตร กระสุนเจาะศีรษะ 2 นัด เป็นเหตุเสียชีวิต พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางลงพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีล่าตัวแก๊งอุ้มฆ่า นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ ดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้จับกุม นายธนเดช หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า ดีเจเตเต้ แล้ว ส่วนอีก 4 คน ศาลอนุมัติหมายจับ ประกอบด้วย นายณรงค์เดช, นายภคณัท, นายนพพิจิตร และนายธราเทพ ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ใน 5 ข้อหาหนัก ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

ตามหา “เจ๊แก้ว” ใส่ทอง 20 บาท หายตัวไป 2 วัน

สุราษฎร์ธานี 19 พ.ค. – ยังไร้วี่แวว “เจ๊แก้ว” เจ้าของแผงทุเรียน หายตัว 2 วัน พร้อมทองหนัก 20 บาท-เงินสด 1 แสน สามีวอนตำรวจ-พลังโชเชียลช่วยตามหา หวั่นเกิดเหตุร้าย เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) ญาติของ น.ส.สุจิตรา หรือเจ๊แก้ว อายุ 43 ปี เจ้าของแผงทุเรียนในตลาดโพธิ์หวาย ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ว่า น.ส.สุจิตรา หายตัวไปวันที่ 17 พฤษภาคม หลังจากเสร็จงานที่แผงทุเรียน และกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 2 กม. ช่วงเวลาประมาณ 19.40 น. น้องสาวของเจ๊แก้ว เล่าว่า วันนั้นตนได้โทรศัพท์คุยกับพี่สาวและทราบว่าพี่สาวกำลังจะออกจากแผงทุเรียนเพื่อที่จะกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เห็นผิดสังเกตว่าพี่สาวยังมาไม่ถึงบ้านเลยพยายามโทรหาแต่ก็ไม่มีคนรับ ปกติแล้วพี่สาวได้สวมใส่สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท เลทข้อมือทองคำน้ำหนัก 10 บาท […]

“บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบบัญชีวัดเพิ่มอีกรวม 49 บัญชี

นครปฐม 19 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบตู้บริจาค 185 ตู้ บัญชีวัดรวม 49 บัญชี รอตรวจสอบเส้นเงินที่ชัดเจน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่ สตง. และเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา เข้าตรวจสอบข้อมูลการเงินเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ภายในห้องการเงิน วัดไร่ขิง ก่อนที่ในช่วงบ่ายพระครูปฐมธีรวัฒน์ (บัญชา ฐิตธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ได้เป็นตัวแทนนำ จนท.ออกมาชี้จุดตั้งตู้บริจาคปัจจัยที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด พบว่ามีตู้บริจาคทั้งหมด 185 ตู้ ซึ่งหลังจากใช้เวลาตรวจสอบบัญชีเพิ่มเติมกว่า 8 ชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่าการตรวจสอบในวันนี้ ไม่ได้ เป็นการสอบปากคำ แต่เป็นเพียงการเรียกทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีการเงินของวัดประมาณ 10 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารจาก 4 ธนาคาร เข้ามาให้ข้อมูล เพื่อหาข้อสรุปว่า บัญชีของวัดมีกี่บัญชี ซึ่งทำให้พบบัญชีวัดเพิ่มขึ้นจากที่พบก่อนหน้านี้ 20 กว่าบัญชี (ใน 20 กว่า มีบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส […]