กรุงเทพฯ 1 ธ.ค. – “ชูวิทย์” เผาพริกเผาเกลือสาปแช่งคู่กรณี พร้อมเปิดหลักฐานเส้นทางการเงินของนอมินีคนไทยที่รับหน้าแทน “ตู้ห่าว” เป็นสำเนาเช็คเงินสดและบัญชีรายรับ-รายจ่ายของบริษัท ยืนยันมีพยานปากเอก 1 คน ที่อยู่ในขบวนการของ “ตู้ห่าว”
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ แถลงเปิดเผยหลักฐานที่นำไปมอบให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่โรงแรมเดวิส ยืนยันว่าตนเองมีพยานปากเอกคนสำคัญ ซึ่งเป็นคนไทยที่เคยทำงานกับนายตู้ห่าว แต่เกิดขัดผลประโยชน์กัน เนื่องจากนายตู้ห่าวไม่ยอมให้เงินค่าจ้าง จึงติดต่อเข้ามาหาตนเองเพื่อขอเป็นพยานในคดี ขณะนี้ตนเองไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของบุคคลดังกล่าวได้ และดูแลเรื่องความปลอดภัยก่อนที่จะส่งพยานคนดังกล่าวให้กับตำรวจ
ทั้งยังฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำสำนวนคดีดังกล่าวและการไล่ติดตามยึดทรัพย์ให้ทำงานอย่างโปร่งใสเป็นธรรม หากมีบุคคลใดที่ตั้งใจทำสำนวนให้อ่อน หรือทำให้นายตู้ห่าวได้รับการปล่อยตัวจากการฝากขังไม่ทันทั้ง 7 ผัด ตนเองมีข้อมูลของทุกคน ยืนยันว่าตนเองไม่ได้รับงานหรือรู้เห็นกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ตนเองมีข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการมามอบให้ และเห็นว่ากระบวนการดังกล่าวบ่อนทำลายประเทศจึงตัดสินใจเปิดเผยข้อมูลและส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
นอกจากนี้นายชูวิทย์ยังเปิดเผยข้อมูลของนอมินีคนสำคัญของนายตู้ห่าว คือ นางสาวพัชรี โดยหลักฐานสำคัญคือเส้นทางการเงินของนายตู้ห่าว กับนางสาวพัชรี โดยให้ฝ่ายเทคนิคส่วนตัวดึงข้อมูลใน iCloud ซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวลงมาตรวจสอบ แม้ว่าขบวนการนี้จะมีการทำลายพยานหลักฐานต่างๆ ไปบ้างแล้ว
โดยมีสัญญาระหว่างนายตู้ห่าวกับนางสาวพัชรี รายการซื้อขายและคุ้มครองที่ดินแทน มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท เมื่อเดือนมีนาคม 2563 โดยให้นางสาวพัชรี เป็นคนออกเช็คจ่ายแทนนายตู้ห่าว เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีสำเนาเช็คที่นางสาวพัชรี เป็นคนเซ็นจ่ายจำนวน 5-6 ใบ และยังมีรายละเอียดการซื้อขายที่ดินหลายไร่ในปี 2561 และเมื่อนำไปเทียบกับเอกสารการเดินบัญชีธนาคารของนางสาวพัชรี พบว่ามีข้อมูลการจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารและเช็คจำนวนเงินตรงกับรายละเอียดในเอกสารรายรับ-รายจ่ายของบริษัทนายตู้ห่าว
ทั้งนี้ ยังพบอีกว่านายตู้ห่าวและพวกมีสำนักทนายความชาวจีนเป็นของตนเอง เพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกให้กับขบวนการและผู้ที่สนใจจะเดินทางมาลงทุนธุรกิจสีเทา หรืออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และเป็นที่มาของการใช้วิธีการเช่าโดยมีคนไทยเป็นนอมินี
นายชูวิทย์ ยังได้วิจารณ์การทำงานของเลขาธิการ ป.ป.ส. ที่ไม่ยอมเข้าไปตรวจสอบภายในเครื่องบินเจ็ตของนายตู้ห่าว แต่กลับติดประกาศเป็นกระดาษ 3 ใบ โดยไม่ยอมเข้าไปตรวจสอบซึ่งผิดกฎหมายภายในเครื่องบิน ทั้งที่มีอำนาจในการตรวจค้น และเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าการทำงานของหน่วยงานที่เข้าไปตรวจยึดเครื่องบินเป็นหน่วยงานแรกเป็นการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพหรือเป็นการรู้เห็นกับผู้ต้องหา นายชูวิทย์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว และยกข้อมูลภาพถ่ายของอาคารบ้านพักแห่งหนึ่งในหุบเขากลางป่า โดยยืนยันว่าเป็นหน่วยงานแห่งหนึ่ง ซึ่งทำงานเกี่ยวข้องกับยาเสพติดซึ่งได้เงินทุนมาจากต่างประเทศ ซึ่งจะเปิดเผยข้อมูลในครั้งต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าว นายชูวิทย์ได้ทำการเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งคู่กรณีที่เคยบุกมาที่โรงแรมและมีปากมีเสียงกันบ่อยครั้ง พร้อมกับโชว์เครื่องสังฆทาน โดยระบุว่าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้.-สำนักข่าวไทย