นนทบุรี 23 พ.ย.-ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เผยแนวทางของกระทรวงฯ กำลังเร่งพิจารณาจัดทำโครงการสินค้าราคาถูกลดค่าครองชีพเพื่อเป็นของขวัญประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ คาดอีก 2 สัปดาห์ มีความชัดเจน พร้อมเน้นดูสินค้าและบริการช่วงที่ภาวะต้นทุนสูงจนทำให้ราคาสินค้ายังสูงอยู่ให้เหมาะสม เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในช่วงปี 2566 ย้ำแม้ปีนี้ไทยเสียแชมป์ข้าวไทย แต่เชื่อมั่นพันธุ์ข้าว 6 ชนิดใหม่ ผลิตตามต้องการบริโภคของเอเชีย
นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ย้ำถึงแนวทางการขับเคลื่อนงานทั้งการดูแลการค้าทั้งในและต่างประเทศ การดูแลราคาสินค้าเกษตร และการลดภาระค่าครองชีพในปีหน้า ยังคงเข้มข้น โดยเฉพาะสถานการณ์ราคาสินค้าเวลานี้จำเป็นที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีปัจจัยจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยจะยังคงขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ตรึงราคาสินค้าไว้ แต่จะต้องพิจารณาถึงความสมดุลด้วย เพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่รอด และประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด รวมทั้งจะต้องใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า
ดังนั้น ของขวัญปีใหม่ 2566 ที่กระทรวงพาณิชย์ เตรียมไว้ให้กับประชาชนนั้น จึงเน้นไปที่การลดภาระค่าครองชีพ เช่นเดียวกับที่ผ่านมา ได้เปิดจุดจำหน่ายสินค้าจำเป็นราคาถูกกระจายทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้เป็นลอตที่ 21 แล้ว โดยคาดว่าจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ภายใน 2 สัปดาห์
ส่วนการบริหารจัดการสินค้าเกษตร ยังคงใช้นโยบายตลาดนำการผลิต ที่สินค้าหลักๆ มีการจัดทำยุทธศาสตร์ เพื่อผลิตสินค้าตามความต้องการไม่ให้มีผลผลิตล้นตลาด โดยเฉพาะข้าว ที่มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ๆ ขณะนี้พัฒนาแล้ว 6 สายพันธุ์ จากเป้าหมาย 12 สายพันธุ์ ซึ่งจากการนำไปทดลองให้ประเทศผู้ซื้อได้ลองชิม ก็ได้รับความชื่นชอบ ถือว่ากระทรวงพาณิชย์เดินถูกทางแล้ว หลังจากนี้เตรียมทดลองเปิดตลาดข้าวพันธุ์ใหม่ๆ ต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดยังมีความต้องการข้าวอยู่ และเงินบาทอยู่ในระดับแข่งขันได้ จึงมองว่า แนวโน้มราคาและการส่งออกข้าวไทยในปีหน้ายังไปได้ดี
นอกจากนี้ แม้ผลการประกวดข้าวที่ดีที่สุดของโลก ประจำปี 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าวหอมมะลิของกัมพูชา ชื่อ “ผกาลำดวน” ได้รับรางวัลชนะเลิศข้าวที่ดีที่สุดในโลก เอาชนะข้าวหอมมะลิ 105 แชมป์เก่าจากไทยไปนั้น ไม่ได้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ข้าวไทยแต่อย่างใด เพราะการส่งออกข้าวมีการแข่งขันในหลายปัจจัย ทั้งในแง่ของราคา ระยะเวลาการส่งมอบ หรือความมั่นใจในการทำธุรกิจระหว่างกัน ซึ่งภาคเอกชนตั้งเป้าในปีหน้า ไทยจะส่งออกข้าวได้ถึง 8 ล้านตัน
ขณะที่งานสำคัญอื่นๆ มีทั้งเร่งรัดผลักดันการส่งออก และการค้าชายแดน เพราะถือเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญที่ในปีหน้ายังต้องทำงานกับเอกชนใกล้ชิด เพื่อปรับแผนให้ทันกับสถานการณ์ที่ยังผันผวน รวมทั้งเร่งเจรจาเปิดด่านการค้าชายแดน ขณะนี้เปิดด่านได้แล้ว 71 ด่าน จากทั้งหมด 97 ด่าน และการเจรจาเปิดเขตการค้าเสรี หรือ FTA เพิ่มเติมจากปัจจุบันมี 14 ฉบับ กับ 18 ประเทศ และที่สำคัญส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความตกลงเดิมที่มีอยู่ โดยเฉพาะกรอบความตกลง RCEP
รวมไปถึงระบบการให้บริการประชาชน ที่จะยกระดับทั้งการจดทะเบียนธุรกิจ จดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา การให้บริการข้อมูลการค้าในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อผลักดันเป็นออนไลน์ทั้งหมด และเร่งรัดส่งเสริมภาคการผลิตและบริการ ผ่านการใช้ Soft Power ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะมุ่งเน้นในสินค้า 4 รายการ คือ ร้านอาหารไทยสุขภาพ-ความงาม อัตลักษณ์ไทยทั้งในกลุ่มแฟชั่น-เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าดิจิทัลคอนเทนต์.-สำนักข่าวไทย