รวบชาวเกาหลีหลอกเพื่อนร่วมชาติลงทุน เหยื่อสูญ 100 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 4 พ.ย.- ตำรวจเกาหลีใต้ประสานความร่วมมือตำรวจไทย จับกุมชายชาวเกาหลีวัย 62 ปี มีพฤติกรรมหลอกลวงลงทุนที่เกาหลีใต้ อ้างมีร้านค้าในไทยเป็นฐานการทำธุรกิจ ผู้เสียหายหลงเชื่อสูญเงินกว่า 3,558 ล้านวอน หรือประมาณ 100 ล้านบาท เตรียมส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่เกาหลีใต้


พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยถึงการระดมกวาดล้างผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ระหว่างวันที่ 5- 31 ตุลาคมที่ผ่านมา เน้นจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay ) หรือความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่นหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือช่วยเหลือซ่อนเร้นคนต่างด้าวให้พ้นจากการจับกุม และให้คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี)

เบื้องต้นจับกุมคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนดได้ 779 คน มีคดีสำคัญๆ เช่น การจับกุมนายบุนซู อายุ 62 ปี ชาวเกาหลี ซึ่งมีพฤติกรรมในการหลอกลวงลงทุนที่เกาหลีใต้ ในความผิดฐานฉ้อโกง ทางการเกาหลีใต้จึงประสานตำรวจให้ช่วยติดตามตัว โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 59 ต่อเนื่องมีนาคม ปี 60 หลอกเพื่อนร่วมชาติ ว่ามีร้านเอาท์เล็ตในกรุงเทพฯ 30 แห่ง ชักชวนให้ผู้เสียหายส่งเสื้อผ้าจากเกาหลีมาไทย จะขายได้ 3-15 เท่า ของราคาเดิม และมีการ ขอเงินจากผู้เสียหายเป็นค่าทำเนียมพิธีการศุลกากรในการส่งออกเพิ่มเติม ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 3,558 ล้านวอน หรือคิดเงินไทยประมาณ 100 ล้านบาท ตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายบุนซูเข้ามาไทยเมื่อต้นปี 63 และได้รับการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวถึง 18 เมษายน 65 จึงถือว่าการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลง จากนี้จะประสานส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่เกาหลีใต้


พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า ที่ผ่านมา สตม. กวาดล้างต่างด้าวผิดกฎหมายต่อเนื่อง ส่วนการปฏิเสธคนเข้าเมือง ซึ่งถือเป็นกระดุมเม็ดแรกของเข้าเมือง ดูแลมาโดยตลอด อย่างปีที่แล้วปฏิเสธการเข้าเมืองไปแล้วกว่า 5,000 คน และเฉพาะเดือนตุลาคมนี้ปฏิเสธไปแล้ว 600 คน ย้ำว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากนี้ต้องเข้มงวดขึ้น เช่นเดียวกับกรณีที่พบว่าคนจีนที่มักเข้ามากระทำความผิดในไทย มักจะยื่นขอวีซ่าเข้าไทย ประเภทนักเรียน-นักศึกษา ยืนยันที่ผ่านเข้มงวดอยู่แล้ว และขณะนี้ทำหนังสือสั่งการกำชับเจ้าหน้าที่ ต้องตรวจสอบว่าเข้าไทยมาตามวัตถุประสงค์หรือไม่ แต่ก็ยอมรับว่ามีบางส่วนที่เล็ดลอดหลุดออกมาได้ ก็จะพยายามแก้ไขให้เกิดความบกพร่องให้น้อยที่สุด

ส่วนหลังจากนี้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการขอวีซ่า ประเภทนักเรียนนักศึกษาหรือไม่ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองบอกว่า ยังต้องมีการหารือร่วมกับหลายหน่วยงาน เนื่องจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่ใช่หน่วยงานเดียวที่ดูแลคนเดินทางเข้าประเทศ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง