ต่างประเทศ 28 ต.ค. – ผู้นำยูเครนประกาศท่ามกลางความมืดในกรุงเคียฟ ลั่นจะขับไล่รัสเซียออกไปให้พ้นเหมือนเคยไล่นาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาแล้ว
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวท่ามกลางความมืดในกรุงเคียฟ เนื่องในโอกาสครบรอบวันที่ยูเครนเอาชนะนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่า ยูเครนจะต้องขับไล่รัสเซียออกไปจากดินแดนให้ได้ เหมือนกับที่เคยไล่นาซีเยอรมันมาแล้ว การปลดปล่อยดินแดนที่ถูกต่างชาติยึดครอง เช่น ในอดีตจะต้องเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคต พร้อมย้ำว่าแค่ 2 วันที่ผ่านมาโดรนชาเฮดของอิหร่านที่บินเข้ามาโจมตีถูกยิงตก 23 ลำ และเครื่องบินของรัสเซียถูกยิงตกเป็นจำนวนมาก
นายมิคาอิล ราซโวชาเยฟ ผู้ว่าการเมืองเซวาสโตโปล ซึ่งอยู่ในคาบสมุทรไครเมียถูกรัสเซียผนวกไปได้เผยว่าโรงไฟฟ้าชานเมืองถูกโดรนของศัตรูโจมตีอย่างหนัก ทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าเสียหาย และเกิดเพลิงลุกไหม้ แต่เคราะห์ดีไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้ามากนัก และกระทรวงกลาโหมเร่งหาทางป้องกันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ด้านนายโอเลก โคริคอฟ หัวหน้าคณะผู้ตรวจสอบด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ และการแพร่กระจายรังสีของยูเครน ร้องทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ให้เข้าไปตรวจสอบโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ซาปอริซเซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน เนื่องจากมีข้อมูลว่าทหารรัสเซียที่อยู่ที่โรงไฟฟ้ากำลังกระทำการบางอย่างลับ ๆ ขณะเดียวกันนายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ระบุว่ายูเครนกำลังวางแผนใช้ระเบิดกัมมันตรังสี ซึ่งยูเครนปฏิเสธข้อกล่าวหา และระบุว่าเป็นแผนของรัสเซียที่จะเบี่ยงเบนความสนใจจากนานาชาติ เพราะกำลังจะใช้ระเบิดกัมมันตรังสีเสียเอง
ขณะที่นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียพยายามเสริมสร้างความสัมพันธ์กับนาโต้ แต่ไม่ได้สนองตอบทางบวกจากนาโต้ พร้อมย้ำว่ารัสเซียไม่เคยคิดและไม่มีวันจะคิดเป็นศัตรูกับตะวันตก และร้องขอให้ตะวันตกอย่าโทษว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากแผนการของรัฐบาลรัสเซียพร้อมกันนั้น ก็ปฏิเสธว่ารัสเซียไม่เคยคิดที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน เพราะไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต้องทำเช่นนั้น.-สำนักข่าวไทย