กรุงเทพฯ 26 ต.ค.- “สุพัฒนพงษ์” ชี้พลังงานโลกเจอวิกฤตซ้ำซ้อน ทำราคาพุ่งสูง ย้ำไทยยังต้องนำเข้าพลังงานกว่า 80% รัฐบาลต้องกู้เงินแสนล้าน คืนกองทุนน้ำมัน ขอคนไทยช่วยกันประหยัดพลังงาน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมนา “Energy for Tomorrow วาระโลก วาระประเทศไทย 2023” ที่สำนักพิมพ์มติชน จัดขึ้นที่สามย่านมิตรทาวน์ โดยระบุว่า ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา การระบาดของโควิด-19 ทำให้ราคาพลังงานโลกลดลง กระทั่งปลายปี 2564 ปัญหาโควิดเริ่มคลี่คลาย เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ทำให้ราคาพลังงานเริ่มปรับตัวขึ้น ซึ่งรัฐบาลพยายามเข้าไปควบคุมดูแล เพราะคาดว่าราคาจะขึ้นไม่นาน
อย่างไรก็ตาม ต้นปี 2565 เกิดความขัดแย้งที่เป็นวาระโลก คือ กรณี รัสเซีย-ยูเครน ทำให้เกิดการแบ่งแยกขั้วกันรัสเซียที่เป็นประเทศผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ส่งให้ยุโรปเป็นเวลานาน ได้ตัดสัมพันธ์ทางการค้า เลิกส่งพลังงาน จนกลายเป็นวิกฤตพลังงานโลก รัฐบาลได้พยายามหามาตรการต่างๆ เช่น กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้าไปตรึงราคาไม่ให้สูงเกินไป จนสร้างภาระทางการเงินการคลังนับแสนล้านบาท ซึ่งจะต้องมีการกู้เงิน มาทยอยคืนกองทุนน้ำมันฯ
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า คนไทยมักเคยชินกับการมีไฟฟ้า และพลังงานใช้อย่างไม่ขาดแคลน แต่ข้อเท็จจริงไทยต้องนำเข้าพลังงานประมาณ 80% ของทั้งหมด โดยก๊าซธรรมชาติ นำเข้า 20-30% แต่ราคาโลกปรับเพิ่มขึ้น 5 เท่า รัฐบาลพยามยามทำทุกอย่าง เช่น หาพลังงานทดแทน พลังงานสำรอง เพื่อลดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ส่วนราคาน้ำมัน รัฐบาลได้ดูแลในส่วนของน้ำมันดีเซล เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ ส่วนราคาน้ำมันเบนซิน เริ่มกลับมาสมดุล ดังนั้นหากใครปรับตัวใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จะช่วยประหยัดได้มาก
รมว.พลังงาน และรองนายกฯยืนยันด้วยว่า รัฐบาล พยายามประคับประคองเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว แต่เรื่องพลังงานงานโลกยังไม่เปลี่ยนแปลง เพราะสองขั้วอำนาจมีความคิดที่ต่างกัน ฝั่งหนึ่งพยายามลดเงินเฟ้อ และความร้อนแรงเศรษฐกิจในการใช้จ่าย ด้วยการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่อีกด้านหนึ่ง คือ โอเปกพลัส หรือ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร เห็นว่าใช้พลังงานลดลง จึงปรับลดการผลิตลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ราคากลับขึ้นมา ท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยุโรปยังแตกซ้ำ ทำให้ราคาก๊าซเพิ่มอีก จึงกลับเข้าสู่วิกฤตอีกครั้ง
“ดังนั้นทุกคนจำเป็นต้องอดทน ยืนยันรัฐบาลทำเต็มที่ เดินหน้าและทำมาตรการทุกอย่าง แต่สิ่งที่อยากขอ คือขอให้คนไทยประหยัด ลดใช้พลังงานลง หรือเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ก็สามารถช่วยกันได้แล้ว” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ ในงาน “ Energy for Tomorrow วาระโลก วาระประเทศไทย 2023” ยังมีการบรรยายพิเศษที่น่าสนใจ เช่น นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ที่ฉายภาพให้เห็น ถึงสถานการณ์พลังงานของประเทศในช่วง 2เดือนสุดท้ายของปี 2565 และการคาดการณ์ราคาพลังงานในปี 2566 ขณะที่ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอลจำกัด (มหาชน) ได้นำเสนอมุมมอง และการบริหารจัดการธุรกิจ ในห้วงที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นเรื่องที่มีผลมากขึ้น รวมถึงการปรับตัวของธุรกิจที่มุ่งสู่ Net Zero ในปี ค.ศ. 2050 นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอมุมมองทางธุรกิจ จากนายสุโรจน์ แสงสนิท ผู้บริหารบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ค่ายรถ MG และดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ผู้บริหารบริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัดมหาชน ที่ชี้ให้เห็นโอกาสทางธุรกิจของยานยนต์ไฟฟ้าและธุรกิจโซล่ารูฟท็อปทั้งในไทยและต่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย