fbpx

สบส.ตรวจสอบศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที. ต้นตอ อสุจิ 6 หลอด

กรุงเทพฯ 24 เม.ย.-สบส.ย้ำอยู่ในระหว่างตรวจเอกสารนำอสุจิออกว่าถูก ต้องหรือไม่ เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดเจ้าของอสุจิต้องถือครอง หรือเคลื่อนย้ายด้วยตัวเอง ส่งเรื่องให้ สภ.หนองคาย ดำเนินคดีต่อ ขณะที่ กรรมการศูนย์ซูพีเรีย ยอมรับ อสุจิ 6หลอดเป็นของศูนย์ พร้อมตั้งข้อสังเกตคนรับมอบฉันทะเอาอสุจิออกเป็นคนเดียวกัน อาจเป็นบริษัทขนส่ง


นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจศูนย์ ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที.ว่า จากการตรวจสอบเอกสารที่มีการบ่งชี้เชื่อมโยงเกี่ยวกับอสุจิ 6 หลอด ก็พบว่า ทั้งหมดออกมาจากที่ศูนย์ซูพีเรียฯจริง แต่เป็นการนำออกโดยผ่านการยินยอมจาก เจ้าของผู้ป่วย ซึ่งในกระบวนการตรงนี้ จะต้องไปดูว่า มีการแสดงหลักฐานหรือเจตจำนงขอรับอสุจิ คืนโดยเจ้าของ ถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายระบุว่าการเคลื่อนย้ายอสุจิ สามารถทำได้ โดยเจ้าตัวต้องแสดงหนังสือหรือคำยินยอม ส่วนการถือครอง ส่งมอบจากนี้ทางกฎหมายไม่กำหนด ซึ่งกรณีที่มีผู้รับและส่งออกนอกประเทศไปนั้น เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานสอบสวน ซึ่งทาง สบส.จะรวบรวมข้อมูลส่งให้สภ.หนองคาย ต่อไป


นายศรายุธ อัสสมกร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที. กล่าวว่า ยอมรับอสุจิที่พบทั้ง 6 หลอดเป็นของศูนย์ฯจริง การระบุว่ามีอสุจิ แค่เพียง 2 หลอดเป็นของศูนย์นั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน  โดยผู้มารับบริการที่ศูนย์นั้น เป็นชาวจีนและชาวเวียดนาม มาเก็บอสุจิไว้คนละ 3 หลอด และได้ทำการแสดงตัวของรับอสุจิออกไป ด้วยการเซ็นต์เอกสาร แต่มอบฉันทะให้อีกผู้อื่นมารับอสุจิด้วยคนทั้งคู่ แต่น่าแปลกที่เป็นคนเดียวกัน แต่ก็เป็นคนละคน กับนายนิธินนท์ ศรีธานิยานนท์ ที่มีการหิ้วอสุจิออกข้ามประเทศ ที่ถูกจับได้ที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว  

อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์ไม่เคยตรวจสอบในเรื่องนี้  คาดว่ากระบวนนำอสุจิออกน่าจะเป็นบริษัทขนส่ง ซึ่งสามารถได้ เพราะปกติในชาวต่างประเทศ ที่มีปัญหามีบุตรยาก และต้องการเก็บอสุจิ จะมาทำในต่างประเทศ และบางรายมีโอกาสเดินทางเข้า-ออกต่างประเทศแค่หนเดียวก็เป็นไปได้ ที่จะใช้บริการของบริษัท และเมื่อพบคลินิกหรือ สถานพยาบาลที่รับรักษาผู้มีบุตรยากที่มีราคา สถานที่ต้องกับความต้องการก็อาจเปลี่ยนใจเข้ากระบวน การรักษาใหม่ โดยให้มาเบิกอสุจิ หรือ ไข่ ที่เก็บไว้ในอีกสถานพยาบาลหนึ่ง .-สำนักข่าวไทย   


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย