สบส.15 เม.ย.-กรม สบส.ประกาศแนวทางตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 นอกสถานพยาบาล ปลดล็อกให้สามารถออกหน่วยให้บริการประชาชนถึงที่พักได้ ช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนและป้องกันการแพร่กระจายโรคระหว่างเดินทาง
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 ทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวลและบางรายเคยพบหรือมีกิจกรรมร่วมกับผู้ป่วยยิ่งเกิดความวิตก อยากตรวจสอบว่าติดโรคโควิด-19 หรือไม่ แต่อาจจะไม่สะดวกในการเดินทางจากที่พักไปสถานพยาบาลด้วยเกรงว่าอาจเกิดการแพร่กระจายโรค ทำให้การตรวจคัดกรองและตรวจทางห้อง ปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดโควิด-19 นอกสถานที่ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตราย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการกำหนดแนวทางให้สถานพยาบาลได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องบนมาตรฐานเดียวกัน
ดังนั้น เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2563 กรม สบส.จึงได้ออกประกาศ เรื่อง “แนวทางการให้บริการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) นอกสถานพยาบาล” ช่วยปลดล็อกให้สถานพยาบาลเอกชนสามารถออกให้บริการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ณ ที่พักผู้ป่วยเป็นการชั่วคราวได้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคฯ
อย่างไรก็ตามในการออกให้บริการนอกสถานที่ของสถานพยาบาลในกรณีข้างต้นนั้น อนุญาตให้ดำเนินการเฉพาะการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ห้ามให้บริการทางการแพทย์ประเภทอื่นๆ อาทิ การเสริมความงาม ฉีดวิตามิน หรือบริการอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโรคโควิด 19 โดยเด็ดขาด
ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า สาระ สำคัญของประกาศฉบับนี้ กำหนดให้การให้บริการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดโรคโควิด-19 นอกสถานพยาบาลหรือนอกสถานที่ กรณีดำเนินการโดยสถานพยาบาลเอกชนสามารถดำเนินการได้ตามเงื่อนไขประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ โดยสามารถดำเนินการ ณ ที่พักผู้ป่วยเป็นการชั่วคราว โดยไม่ได้กระทำเป็นปกติธุระ ด้วยผู้ป่วยไม่สามารถมารับบริการที่สถานพยาบาลได้ เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ตามแนวทาง ดังนี้
1.ผู้รับบริการเป็นผู้ป่วยกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
2.ผู้ให้บริการต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ และต้องดำเนินการตามมาตรฐานวิชาชีพ
3.กรณีการให้บริการโดยใช้ชุดตรวจภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องมือดังกล่าวต้องได้รับอนุญาต จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
และ 4.การส่งสิ่งส่งตรวจเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 จะต้องส่งตรวจในห้อง ปฏิบัติการที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้การรับรอง ตามประกาศ กรม สบส.เรื่องแนวทางการให้บริการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 93 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 43 แห่ง และต่างจังหวัด 50 แห่ง .-สำนักข่าวไทย