กรุงเทพฯ 4 ต.ค. – “อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือร้อง “พล.ต.ท.ธิติ” ผบช.น. ขอให้ตั้งกรรมการสอบฯ ผกก.สน.ลุมพินี ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ส่วนอีกเรื่องขอให้ตรวจสอบบ่อนการพนันในพื้นที่ กทม. 11 แห่ง ที่เปิดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยมีตำรวจท้องที่เรียกรับผลประโยชน์
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้แทน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ใน 2 เรื่อง กรณีแรกคือ ขอให้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัย พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผู้กำกับ สน.ลุมพินี กับพวก กรณีกระทำผิดวินัย พ.ร.บ.ตำรวจ มาตรา 79 (1) ที่ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ และร้องขอให้สั่งการตรวจสอบที่ยัดข้อหาตนเองในคดีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม แจ้งความหมิ่นประมาท ที่ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมขณะออกรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง เมื่อปี 2554 แต่คดีขาดอายุความไปแล้ว อีกทั้งคณะกรรมการตรวจสอบของกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้แจ้งข้อเท็จจริงว่าไม่เข้าข่ายความผิดข้อหาหมิ่นประมาท แต่น่าจะเข้าข่ายเป็นการดูหมิ่น พนักงานสอบสวนจึงไม่ดำเนินคดี และสั่งไม่ฟ้อง แต่ผู้กำกับการ สน.ลุมพินี ไม่ยอมรับและสั่งเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน โดยให้แจ้งข้อหาดำเนินคดีกับตนเอง จึงเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องเรียนกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
อีกกรณีคือ มายื่นหนังสือร้องเรียนให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตรวจสอบบ่อนการพนันในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 11 แห่ง ของกลุ่มนายตือ นายต๋อง และนายเก๋า ที่เปิดบ่อนแบบกาสิโนไฮโลไฮเทค และตู้ม้า โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยมีตำรวจท้องที่เรียกรับผลประโยชน์เป็นรายเดือน
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า มีความเชื่อมั่นใน พล.ต.ท.ธิติ ว่าจะสามารถปราบปรามบ่อนการพนันในกรุงเทพมหานครได้เหมือนก่อนหน้านี้ ตอนที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ที่ทำผลงานปราบปรามบ่อนการพนันอย่างจริงจัง และเห็นเป็นรูปธรรม
ขณะที่วันนี้ (4 ต.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ประชุมมอบนโยบายข้าราชการตำรวจในสังกัด ตั้งแต่ระดับผู้กำกับการขึ้นไป ได้เปิดเผยหลังการประชุมว่า หากมีการร้องเรียนเรื่องบ่อนการพนันในกรุงเทพมหานคร ก็จะต้องมีการตรวจสอบ เพราะการปราบปรามบ่อนการพนันเป็นนโยบายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะให้มี หากพบว่ามีการเปิดบ่อนการพนันก็จะต้องลงโทษตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่ ซึ่งมีหลักเกณฑ์ปฏิบัติไว้อยู่แล้ว. -สำนักข่าวไทย