8 ก.ย.2565 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ได้เดินทางมาเปิดตัวกับสมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย ภายหลังวานนี้ ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคนัดพิเศษมีมติ เชิญนายสมคิด เป็นประธานพรรค
โดยนายสมคิด ได้เปิดใจช่วงหนึ่ง ว่า วันนี้ตนควงลูกชาย น้องคลัง มาด้วย เพื่อให้เห็นว่าการสร้างพรรคการเมืองที่ดีมีจริง และให้เรียนรู้ว่าการทำการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย และให้เข้าใจว่าทำไมต้องพ่อของเขาต้องกลับมา เพื่อเป็นผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย และยึดโยงคนในชาติให้ร่วมกัน คิดในสิ่งที่มีประโยชน์ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อชาติบ้านเมือง
นายสมคิด กล่าวว่า การตั้งพรรคการเมืองในช่วงนี้ต้องมีความกล้าหาญ ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่เละเทะ สถานการณ์การเงินที่ค่าเงินตราสูงมาก การแข่งขันทางการเมือง เหมือนแข่งในสนามม้า มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอก มีเจ้าของ ต้องหาเงินเลี้ยงม้า แต่ที่ผ่านมาโจ๋งครึ่มเกินไป เป็นตัวอย่างไม่ดี สำหรับการเมืองไทยทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยากเข้ามา
ทั้งนี้ ในปี 2557 ก่อนส่งทีม 4 กุมารเข้าไป และดูว่าคนที่เข้าไปต้องทำงานเป็น ทำงานได้ จะเรียกว่ารัฐมนตรีเกินครึ่งเป็นคนที่ตนเองเสนอเข้าไป ซึ่งในขณะนั้น จีดีพี เหลือเพียง 1% เพราะมีการรัฐประหารต่างชาติไม่รับรอง ทุกอย่างติดชะงัก ทั้งทีมในครม.ช่วยกันทำงาน จนทำให้เป็น 3% ใน 2 ปีติดต่อกันและ จีดีพีเพิ่มขึ้นเป็น 4% ก่อนเจอพิษโควิด ปี 62 และทีม 4 กุมารเจอพิษการเมืองที่แสวงหาอำนาจ แต่ไม่แสวงหาปัญญา และตนเห็นใจนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เพราะเป็นพรรคการเมืองผสม และในอดีตมีจุดประสงค์ทำพรรคการเมืองผสมเพื่ออะไร ทำเพื่อบ้านเมืองใช่หรือไม่ อีกทั้งตนได้เตือนแล้วว่าการแบ่งกระทรวงก่อนที่จะฟอร์ม ครม. มันไปไม่ได้ มันไปคนละทิศคนละทาง แล้วจะเอาพลังมาจากไหน มีที่ไหนที่นโยบายของประเทศแบ่งกันตามกระทรวง ทางใครทางมัน ประชุมก็ดี แต่ถ้าไม่ทำตามที่บอกก็วอล์คเอ้าท์ และจะให้ทำอย่างไร นี่หรือ ประชาธิปไตย นี่คือความเป็นจริงของประเทศไทย เมื่อทีม 4 กุมาร ลาออกก็มีสถานการณ์โควิด-19 จีดีพีทั้งหมดหดตัว จาก 5 แสนกว่าล้านบาท เหลือ 5 แสนล้านบาทต้นๆ ซึ่งในขณะนั้นเรายังไม่มีปัญหาเรื่องส่งออก และพลังงาน แต่วันนี้การส่งออกเริ่มชะลอตัว และอย่าบอกว่า ตัวเลขดีขึ้น อีกทั้งน้ำมันราคาแพง
นายสมคิด ย้ำว่า ตนมาวันนี้เพื่อขอบคุณ และพาลูกชายมาให้ดูให้เห็น และได้เข้าใจพ่อของเขาว่า ไม่ได้ต้องการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ใครเข้าไปคุณแบกรับทั้งประเทศ และต้องให้กำลังใจคนที่จะเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นใคร และจุดหมายประการที่ 2 ตนอยากให้พรรคนี้ พยายามเข้าไปกอบกู้ และสร้างอนาคตของประเทศไทย
นายสมคิด ระบุว่า พรรคเสนอให้ตนเข้ามาเป็นประธานพรรค ตนสนับสนุนพรรคในทุกรูปแบบ และอยากเข้ามาช่วยแม่จะอายุมากแล้ว ซึ่งตนเห็นใจน้องๆว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย และคนอย่างตนไม่มีใจบันดาลแรง แต่มีแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยสร้างอนาคตประเทศไทย ไม่ใช่เพื่อตัวเอง
นายสมคิด ยังกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญว่า ไม่มช่แต่เรื่องการเลือกตั้ง แต่ต้องมีเรื่องการปฏิรูป เรื่องงบประมาณ การกระจายอำนาจ และอีกหลายเรื่องเพื่อให้ทุกอย่างไปสู่ทิศทางข้างหน้า แต่สิ่งเหล่านี้ต้องไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่มาจากแค่ใครคนใดคนหนึ่งเป็นคนเขียน แต่ต้องมาจากการมีส่วนร่วมของคนทุกเพศทุกวัย และต้องดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาด้วย ซึ่งหน้าที่ของพรรคสร้างอนาคตไทย นอกจากมีชุดความรู้ ต้องพยายามดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะพรรคการเมืองจะโตขึ้น ประชาชนต้องให้การสนับสนุน และบทยาทของพรรคสร้างอนาคตไทย คือ การร่วมพูดคุยกับทุกพรรคการเมืองที่มีแนวทางเดียวกัน อย่ามัวหวงอำนาจ หวงตำแหน่ง ซึ่งการสร้างพรรคที่ดีอย่ามัวแต่แสวงหาอำนาจแต่ต้องแสวงหาคน และเราต้องไม่สร้างศัตรูต้องสร้างมิตร เพราะเราไม่ได้เก่งคนเดียว เมืองไทยรอไม่ได้เราต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้
นายสมคิด ยังกล่าวว่า สิ่งที่อยากฝาก 3 ข้อ คือ 1 เป็นพรรคการเมืองที่ดี มีอุดมการณ์ 2. กอบกู้เศรษฐกิจ สร้างอนาคต 3. เปลี่ยนแปลงการเมือง ซึ่งตนไม่ได้เตรียมา เรื่องการพูดในวันนี้ แต่พูดจากใจจริง การมาที่นี่อย่าพูดไปว่าตนต้องเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรีฟ้าต้องลิขิต แต่ตนพร้อมจะเป็นผู้นำของทุกคนในพรรค
ส่วนบรรยากาศ ในงานเปิดตัวนายสมคิดวันนี้ พบว่า นายปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยบุตรชาย นายปรพล อดิเรกสาร อดีตส.ส.สระบุรีและนายนวกิจ พลวิเศษ บุตรชายนายภิรมย์ พลวิเศษ อดีตส.ส.นครราชสีมา และอดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร ได้เดินทางมาร่วมงานในวันนี้ด้วย ซึ่งมีรายงานว่าได้ยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทยแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ นายปองพล เพิ่งเปิดตัวไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และได้ลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่ 6 กันยายน แล้ว
ภาพ ชำนาญวุฒิ สุขุมวานิช