ซิดนีย์ 9 เม.ย. – นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย เปิดเผยวันนี้ว่า รัฐบาลออสเตรเลียได้สั่งซื้อวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ในขณะที่ออสเตรเลียกำลังเร่งปรับเปลี่ยนแผนในโครงการฉีดวัคซีนให้ประชาชน เนื่องจากความกังวัลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดลิ่มเลือดอุดตัน หลังใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา
ออสเตรเลียเดินหน้าตามโครงการฉีดวัคซีนด้วยการใช้วัคซีนส่วนใหญ่จากแอสตราเซเนกา โดยสั่งซื้อ 50 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอในการฉีดคนละ 2 เข็ม ให้กับประชากรที่มีอยู่ทั้งหมด 25 ล้านคน เป็นวัคซีนของแอสตราเซเนกาที่ผลิตในประเทศโดยบริษัท ไบโอฟาร์มา ซีเอสแอล จำกัด แต่ล่าสุดออสเตรเลียดำเนินการตามหลายๆ ประเทศที่จำกัดการใช้วัคซีน เนื่องจากกังวัลเรื่องอาการลิ่มเลือดอุดตัน เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียปรับเปลี่ยนข้อเสนอแนะ โดยระบุว่าประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี ที่มีอยู่เกือบ 12 ล้านคน ควรจะฉีดวัคซีนของไฟเซอร์แทน ซึ่งส่งผลให้ต้องเพิ่มคำสั่งซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์เป็น 40 ล้านโดส ที่จะเพียงพอในการฉีดให้ประชาชน 4 ใน 5 ของประชากรทั้งหมด นายมอร์ริสัน กล่าวว่า วีคซีนที่สั่งจากไฟเซอร์จะส่งมาถึงภายในสิ้นปีนี้ การเปลี่ยนแปลงนโยบายไปใช้วัคซีนของไฟเซอร์จะทำให้แผนการฉีดวัคซีนให้ประชากรทุกคนภายในสิ้นเดือนตุลาคม ไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย นายมอร์ริสัน กล่าวเน้นว่า ออสเตรเลียไม่ได้ห้ามใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา แต่แนะนำให้ใช้วัคซีนนี้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี.-สำนักข่าวไทย