ทูตเมียนมาอารยะขัดขืน

ทูตเมียนมาอารยะขัดขืน

เมียนมา 5 มี.ค. -ทูตเมียนมาดาหน้าอารยะขัดขืน ปฏิเสธที่จะปฏิบัติงานตามคำสั่งของรัฐบาลทหารแล้วนับสิบราย


เจ้าหน้าที่ทางการทูตของเมียนมากว่า 10 ราย ซึ่งประจำการอยู่ในต่างประเทศปฏิเสธที่จะปฏิบัติงานให้กับกองทัพเมียนมาที่กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ การประกาศจุดยืนของเจ้าหน้าที่ทางการทูตดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์นองเลือดภายในประเทศเมียนมาจากการที่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงใช้กำลังและอาวุธเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อวันพฤหัสบดี (4 มี.ค) ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทางการทูตที่ประจำการอยู่ที่สถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ประกาศว่า พวกเขากำลังเข้าร่วมกับขบวนการเคลื่อนไหว “อารยะขัดขืน” (Civil Disobedience Movement : CDM) ไม่เชื่อฟังรัฐ ปฏิเสธที่จะปฏิบัติงานตามคำสั่งของกองทัพเมียนมาที่ปกครองประเทศอยู่ในเวลานี้


เจ้าหน้าที่ทางการทูตเมียนมาทั้ง 5 คน กล่าวว่า พวกเขารู้สึกเศร้าสลดและหดหู่ใจที่กองทัพทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย และไม่สามารถยอมรับได้กับการใช้กำลังที่ร้ายแรงกับผู้ชุมนุมประท้วงที่เคลื่อนไหวโดยสันติวิธี

นอกจากกลุ่มเจ้าหน้าที่ทูตเมียนมา 5 คน ที่กรุงวอชิงตันแล้ว อู อ่อง จ่อ หน่าย ทูตที่ปรึกษาเมียนมา ที่นครลอสแองเจลิส ได้ประกาศให้ทราบเช่นกันว่า เขาจะเข้าร่วมปฏิบัติการอารยะขัดขืน ไม่ปฏิบัติงานตามคำสั่งของกองทัพเมียนมาตั้งแต่วันศุกร์นี้เป็นต้นไป

อ่อง จ่อ หน่าย ซึ่งรับราชการที่กระทรวงต่างประเทศมานานเกือบ 30 ปี บอกว่า การตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการเคลื่อนไหว CDM ของเขา เกิดจากความเศร้าสลดใจต่อเหตุการณ์การใช้กำลังเข้าปราบปรามและสลายการชุมนุมอย่างโหดร้ายในเมียนมาเมื่อวันพุธที่ 3 มีนาคม ซึ่งในวันนั้นวันเดียวมีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 38 คน


นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทูตเมียนมาอีก 3 คน ซึ่งรวมถึงเลขานุการเอก และเลขานุการโท ที่ประจำการ ณ สำนักงานผู้แทนถาวรเมียนมาประจำสหประชาชาติที่กรุงเจนีวา ก็ประกาศจะยืนเคียงข้างประชาชนชาวเมียนมาที่กำลังยืนหยัดต่อสู้เพื่อกอบกู้และเรียกคืนประชาธิปไตยในเมียนมาอยู่ในเวลานี้ เจ้าหน้าที่ทูตทั้งสามวางแผนจะเข้าร่วมขบวนการเคลื่อนไหวไม่เชื่อฟังรัฐ อารยะขัดขืน หรือ CDM เช่นกัน

ส่วนที่เยอรมนี ดอว์ ชอว์ กัลยา เลขานุการตรีที่สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาในกรุงเบอร์บิน บอกให้ทราบเช่นกันว่า เธอไม่ยินดีหรือเต็มใจที่จะปฏิบัติงานภายใต้ระบอบเผด็จการทหารเมียนมาอีกต่อไป เพราะยอมรับไม่ได้กับการที่กองทัพโค่นล้มรัฐบาลพลเรือน จับกุมคุมตัวนักการเมืองและประชาชนอย่างไร้ความยุติธรรม ยิ่งกว่านั้น ยอมรับไม่ได้กับ “กลุ่มก่อการร้าย” ที่เข่นฆ่าประชาชน

เจ้าหน้าที่ทูตเมียนมาที่ประกาศจุดยืนจะร่วมปฏิบัติการอารยะขัดขืนนั้น ต่างบอกว่า พวกเขาใช้สิทธิในการที่จะแสดงออกอย่างสันติ เพื่อยืนเคียงข้างประชาชนชาวเมียนมา และกล่าวเพิ่มเติมว่า พวกเขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่งหน้าที่การงาน เพียงแต่จะไม่ยอมทำงานให้กับสภาบริหารแห่งรัฐของกองทัพ

ความเคลื่อนไหวของบรรดาเจ้าหน้าที่ทูตในต่างประเทศที่ปฏิเสธจะปฏิบัติงานให้กับกองทัพเมียนมา เกิดขึ้นตามมาหลังจาก อู จ่อ โม ตุน เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรเมียนมาประจำสหประชาติ ณ นครนิวยอร์ก ประกาศแตกหักรัฐบาลทหารระหว่างการกล่าวคำแถลงการณ์ต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาติเมื่อเดือนก่อน โดยในแถลงการณ์ เขาวิงวอนให้ประชาคมโลกต่อต้านรัฐประหาร และช่วยให้การสนับสนุนรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง อีกทั้ง ยังได้ชู 3 นิ้ว สัญลักษณ์ที่ถูกใช้ในการแสดงออกเพื่อต่อต้านเผด็จการทหารเมียนมาในเวลานี้กลางที่ประชุมยูเอ็นด้วย

ขณะเดียวกัน ประชาชนชาวเมียนมาที่อาศัยในต่างประเทศ ทั้งประเทศตะวันตกและในเอเชีย ต่างก็พากันออกมาเรียกร้องให้บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการทูตทั้งหลาย เข้าร่วมขบวนการเคลื่อนไหวอารยะขัดขืน ยืนเคียงข้างประชาชน ในแต่ละวัน ชาวเมียนมาในแต่ละประเทศนัดกันไปชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมาเพื่อเรียกร้องให้บรรดาเจ้าหน้าที่ทูตออกมาต่อสู้ร่วมกับประชาชน

เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศเมียนมาได้เรียกตัวเจ้าหน้าที่ทูตอย่างน้อย 100 คนที่ประจำการใน 19 ประเทศ กลับเมียนมาเป็นการด่วน ซึ่งรวมถึงผู้ที่ประจำการในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นอร์เวย์ จีน และญี่ปุ่น

ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่กองทัพเมียนมายึดอำนาจ จนถึงขณะนี้ มีประชาชนพลเรือนชาวเมียนมามากกว่า 50 คนแล้วที่ถูกเจ้าหน้าที่กองกำลังด้านความมั่นคงสังหารขณะเข้าร่วมการชุมนุมต่อต้านระบอบเผด็จหารทหารอย่างสันติ

เจ้าหน้าที่ทางการทูตเมียนมาที่ประจำการในต่างประเทศซึ่งปฏิเสธที่จะเชื่อฟังหรือทำตามคำสั่งของสภาบริหารแห่งรัฐ (ชื่อรัฐบาลทหารที่ปกครองเมียนมาเวลานี้) ต่างเร่งเร้าเรียกร้องให้กองทัพยอมรับและเคารพผลการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว และคืนอำนาจให้กับประชาชน

พรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 กองทัพทำรัฐประหารในตอนเช้าวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่รัฐสภาชุดใหม่ที่พรรค NLD ครองที่นั่งส่วนใหญ่จะเริ่มเปิดสมัยประชุม โดยอ้างเหตุจำเป็นบังคับให้กองทัพต้องทำรัฐประหารคือต้องเข้ามาจัดการเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งในครั้งนั้น.- สำนักข่าวไทย

อ้างอิง : https://www.irrawaddy.com/news/burma/10-myanmar-diplomats-refuse-work-military-regime.html?fbclid=IwAR06tAnl_LdYMMqIdstEDhcHltDntMqfj0JEkP9iLf41ahq8FYTT2UGh4gg

อ้างอิง : https://www.facebook.com/351574300169/posts/10158956683085170?sfns=mo

อ้างอิง : https://www.facebook.com/351574300169/posts/10158957705520170?sfns=mo

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ระเบิดรถครู ตชด.

ทราบกลุ่มคนร้ายก่อเหตุระเบิดรถครู ตชด.สองพ่อลูก

ทราบคนร้ายก่อเหตุระเบิดรถครู ตชด.สองพ่อลูก จ.นราธิวาส แล้ว วันก่อเหตุมีแนวร่วมปฏิบัติการประมาณ 6 คน กลุ่มเป้าหมายคือเจ้าหน้าที่รัฐ

หมายจับผู้มีพระคุณ

ออกหมายจับผู้มีพระคุณจ้าง “เอ็ม กองเรือ” สังหารอดีต สส.กัมพูชา

ตำรวจเร่งล่า “สมหวัง” ผู้มีพระคุณของ “เอ็ม กองเรือ” หลังศาลออกหมายจับใช้จ้างวานสังหาร “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา

เศร้า ฝังศพ “พ่อ-ลูก” ครู ตชด. เหยื่อวางระเบิด

ประชาชน-ตำรวจตระเวนชายแดน นับพันคน ร่วมพิธีฝังศพ 2 พ่อลูก ครู ตชด. เหยื่อผู้ก่อความไม่สงบลอบวางระเบิดในพื้นที่ จ.นราธิวาส

ข่าวแนะนำ

นายกฯไปนราธิวาส

นายกฯ นำคณะถึงนราธิวาส สวมเสื้อสูท “ลายนรารวมใจ”

“นายกฯ อิ๊งค์” ถึงนราธิวาสสวมเสื้อสูท “ลายนรารวมใจ” สีชมพูบานเย็น หวานฉ่ำ ถ่ายทอดความเป็นหนึ่งเดียวของผู้คนชาวนราธิวาส ที่มีความรัก สามัคคี ประสานความสัมพันธ์บนวิถีชีวิต และวัฒนธรรมอันงดงามของจังหวัดนราธิวาส

สารวันครูปี68

นายกฯ มอบสารวันครู จุดประกายฝัน ดันเด็กไทยกล้าคิด สร้างโอกาส

“นายกฯ” มอบสารวันครู ประจำปี 2568 “ครูจุดประกายความฝัน ผลักดันให้กล้าคิด สร้างโอกาสในชีวิตให้เด็กไทย” ระลึกบุญคุณครู ปลูกฝังศิษย์คิด-ทำในสิ่งที่ดีและถูกต้อง เชื่อ ครู ต้องพัฒนาพร้อมรับมือโลกยุคใหม่

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศหนาว-ลมแรง กทม.อุณหภูมิลด 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ เซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น ส่วน กทม.-ปริมณฑล อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ